เชียงราย - “อาจารย์เฉลิมชัย” เตรียมตัวหลังความตาย ใช้กองทุนดูแลวัดร่องขุ่น แต่ห้ามถือเงินเกิน 200 ล้าน-ห้ามสร้างเพิ่ม มากกว่านี้บริจาคการกุศลหมด ยันตลอด 30 ปีทำบัญชีรับ/จ่าย แจงยิบไร้เงินทอน
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ผู้สร้างศิลปะวัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เปิดเผยว่า ตนได้ทุ่มเทชีวิตในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่วัดร่องขุ่นให้เป็นสมบัติของชาติมาต่อเนื่อง จนได้รับการจัดอันดับจากนานาชาติให้เป็นวัดที่สวยที่สุดในโลกเป็นอันดับ 3 ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจมาก
ในช่วงฤดูฝน หรือโลว์ซีซัน มีคนมาเที่ยวมากถึงกว่า 2,200-2,600 คนต่อวัน และหากเป็นฤดูหนาวหรือไฮซีซันจะสูงถึงกว่า 3,000-4,500 คนต่อวันขึ้นไป ทำให้สถิตินักท่องเที่ยววัดร่องขุ่นต่อปีสูงขึ้นอย่างมหาศาล และขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้ดำเนินการนำสายไฟฟ้า และเคเบิลบริเวณถนนหน้าวัดร่องขุ่นลงใต้ดินหมด ทำให้วัดมีทัศนียภาพที่งดงามยิ่งขึ้น เชื่อว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมามากขึ้นอีกแน่
ดังนั้นตนจึงได้วางแผนรองรับอนาคตเพื่อให้วัดร่องขุ่นป็นวัดของประเทศชาติอย่างแท้จริงต่อไป โดยจัดระบบการบริหารภายในวัดที่มีพนักงานอยู่ประมาณ 150 คนให้มีระบบลงตัว สามารถบริหารจัดการกันเองได้เมื่อตนเสียชีวิตไปแล้ว รวมถึงเรื่องเงินที่เข้าบัญชีของวัดทั้ง 3 บัญชี และเงินที่ออกจากบัญชีตลอดระยะเวลาประมาณ 30 ปี ซึ่งได้รับการบันทึกและจัดส่งสำนักพระพุทธศาสนาแล้วอย่างละเอียด แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในทุกขั้นตอน ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้สถานที่อื่นๆ นำไปปฏิบัติได้ในภายภาคหน้า
อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า ในอนาคตวัดจะสามารถอยู่ได้ด้วยการบริหารจัดการกองทุนของวัดเอง ที่กำหนดให้มีเงินกองทุนภายในวัดไม่เกิน 200 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้จะนำมาใช้เพื่อบริหารจัดการภายใน ซ่อมแซม และทำนุบำรุงวัดโดยไม่มีการก่อสร้างเพิ่มเติมต่อไปอีกหากว่าตนได้จากไปแล้ว ซึ่งได้คำนวนแล้วว่าจำนวนเพียงแค่นี้เพียงพอ
ส่วนรายได้ที่เข้าบัญชีวัดเกินจากนี้ก็จะนำไปบริจาคทางสาธารณะ โดยมุ่งเน้นด้านสาธารณสุข คือ โรงพยาบาลประจำจังหวัดเชียงรายเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการบริจาคนำร่องไปก่อนหน้านี้แล้วเพียงแต่สังคมอาจจะยังไม่รับทราบมากนัก นอกจากนี้ยังมีแผนให้บริจาคไปยังสถานที่เพื่อการกุศลอื่นๆ เช่น โรงเรียน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ ด้วย
อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม วัดยังคงการบริหารเพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามเหมือนเดิม โดยภายในวัดจะไม่อนุญาตให้มีการนำสิ่งของไปค้าขายใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนบริเวณด้านหน้าวัดที่เป็นศูนย์อาหารและร้านค้าต่างๆ นั้นแท้ที่จริงแล้วอยู่นอกพื้นที่วัด แต่ตนได้เข้าไปช่วยจัดประชุมหารือ และแนะนำให้มีการก่อสร้าง-จัดการพื้นที่ให้เหมาะสมลงตัวกับสถานที่ท่องเที่ยวอย่างวัดร่องขุ่น ซึ่งบรรดาร้านค้าอาคารต่างๆ ต่างเห็นความสำคัญ และร่วมมือกันเป็นอย่างดี