ผู้จัดการรายวัน 360 - วิกฤตฝุ่นเป็นพิษ PM 2.5 กลับมาอีกแล้ว “แอลจี” ได้จังหวะ ส่ง 4 ผลิตภัณฑ์กลุ่มแอร์และเครื่องฟอกอากาศเสริมทัพเจาะผู้บริโภค ภายใต้งบการตลาด 100 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปี 63 ไว้ที่ 500 ล้านบาท
นายอำนาจ สิงหจันทร์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องฟอกอากาศปี 2562 นี้คาดว่าจะปิดที่ 1,700 ล้านบาท โตขึ้น 149% จากภาวะฝุ่น PM 2.5 ส่วนในปีหน้าน่าจะเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท ซึ่งปีหน้าการแข่งขันด้านราคาจะมีสูง และมีแบรนด์ใหม่เข้ามาอีกหลายแบรนด์ รวมถึงจะมีบางแบรนด์ออกไปจากตลาดเพราะยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า ในส่วนของแอลจีตั้งเป้าปีหน้ามีแชร์ 10% ในกลุ่มตลาดพรีเมียม
ทั้งนี้ แอลจีพร้อมเปิดตัวไลน์อัพนวัตกรรมระบบฟอกอากาศของแอลจีรวม 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. เครื่องฟอกอากาศขนาดพกพา แอลจี เพียวริแคร์ มินิ ราคา 7,990 บาท 2. เครื่องฟอกอากาศ แอลจี เพียวริแคร์ ราคา 29,900-49,900 บาท โดดเด่นด้วยความสามารถในการฟอกอากาศภายในบ้านได้โดยรอบ 360 องศา พร้อมคลีนบูสเตอร์
3. เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน แอลจี ดูอัล คูล วางจำหน่าย 2 ขนาด ได้แก่ 12,000 บีทียู ราคา 35,990 บาท และ 18,000 บีทียู ราคา 45,990 บาท มาพร้อมกับระบบฟอกอากาศ รุ่น IL ช่วยประหยัดพลังงาน 70 % และให้ความเย็นเร็วขึ้นถึง 40% และ 4. เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ในรุ่นซิงเกิลคอมเมอร์เชียล โฟร์ เวย์ คาสเซต พร้อมฟังก์ชันการฟอกอากาศ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร เช่น โรงพยาบาล สำนักงาน
สำหรับเครื่องฟอกอากาศขนาดพกพา แอลจี เพียวริแคร์ มินิ โดดเด่นด้วยระบบฟอกอากาศ 4 ขั้นตอน นำมาซึ่งความสามารถในการตรวจจับและขจัดฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กถึง 1.0 ไมครอน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ ดูอัล อินเวอร์เตอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถดูดและกำจัดฝุ่นเข้ามาภายในเครื่องฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีในการฟอกอากาศในรถให้บริสุทธิ์ได้ถึง 50% สามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 8 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่ 4 ชั่วโมง นอกจากนี้ การทำงานแบบไร้สาย พร้อมขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักที่เบาใกล้เคียงกับน้ำเปล่าขวดเล็ก (น้ำหนัก 530 กรัม) ทำให้เครื่องฟอกอากาศขนาดพกพารุ่นใหม่นี้เหมาะแก่การนำไปใช้งานในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในรถยนต์ รถเข็นเด็ก ห้องเรียน หรือที่ทำงาน
อย่างไรก็ตาม ไลน์อัพนวัตกรรมระบบฟอกอากาศของแอลจีทั้งหมดยังอำนวยความสะดวกต่อไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานในยุค IoT ด้วยการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันที่สามารถควบคุมการใช้งานได้บนสมาร์ทโฟน จึงสามารถตรวจสอบคุณภาพของอากาศภายในบ้านได้ และควบคุมการเปิด-ปิดเครื่องได้จากทุกที่ทุกเวลา โดยเครื่องฟอกอากาศ แอลจี เพียวริแคร์ มินิ จะสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน LG PuriCare Mini ผ่านบลูทูธ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในไลน์อัพสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน LG ThinQ™ ของแอลจี ผ่าน Wi-Fi
นายอำนาจกล่าวต่อว่า การรุกตลาดกลุ่มเครื่องฟอกอากาศในครั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมงบการตลาดไว้กว่า 100 ล้านบาทเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย เราจึงมั่นใจว่านวัตกรรมระบบฟอกอากาศจะเติมเต็มภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของแอลจี ภายใต้กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าว่าแอลจีจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศพรีเมียมได้ในอนาคต หรือในปี 2563 รายได้จากกลุ่มเครื่องฟอกอากาศตั้งเป้าไว้ที่ 500 ล้านบาท และเฉพาะเครื่องฟอกอากาศน่าจะทำรายได้ที่ 200 ล้านบาท