กรมธุรกิจพลังงานแจ้งยอดใช้น้ำมัน 10 เดือนแรกของปี2562 ยังคงเพิ่มขึ้น 1.5% โดยเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มดีเซล เบนซิน ก๊าซปิโตรเลียมเหลวและน้ำมันอากาศยาน ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ยังคงขยายตัวจากปีก่อน เว้นเอ็นจีวีที่ยังคงไร้สัญญาณฟื้นตัว ขณะที่การนำเข้าน้ำมันดิบรวมนำเข้ามูลค่า 5.59 แสนล้านบาทลดลงกว่า 1.41 แสนล้านบาทหรือ 20.2% อานิสงค์น้ำมันโลกอยู่ระดับต่ำ แถมบาทแข็งค่า
รายงานข่าวจากกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) แจ้งว่า ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 10 เดือนแรกของปี 2562(ม.ค.-ต.ค.) พบว่า การใช้เฉลี่ยวันละ 157.3 ล้านลิตร หรือ 989,408 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็น 87%ของปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตได้ภายในประเทศเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนวันละ 2.4 ล้านลิตร หรือ1.5% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของกลุ่มน้ำมันเบนซิน กลุ่มน้ำมันดีเซล ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และกลุ่มน้ำมันอากาศยานตามทิศทางเศรษฐกิจ ขณะที่การนำเข้าน้ำมันดิบรวมอยู่ที่ 868,641 บาร์เรลต่อวันลดลง 10% มูลค่าการนำเข้ารวม 559,537 ล้านบาทลดลง 141,293 ล้านบาท คิดเป็น 20.2% ซึ่งมูลค่าที่ลดลงดังกล่าวมาจากปัจจัยราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาและรวมถึงอานิสงค์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ทั้งนี้เมื่อแยกการใช้ตามประเภทเชื้อเพลิงพบว่า กลุ่มเบนซินมีการใช้ทั้งสิ้น 9,77.80 ล้านลิตรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.03% ซึ่งสะท้อนจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวและปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น โดยแยกเป็น แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 2,903.08 ล้านลิตรลดลง4.24% แก๊สโซฮฮล์ 95 อยู่ที่4,197.08 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 7.53% แก๊สโซฮอล์อี 20 อยู่ที่1,963.84 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 12.96% แก๊สโซฮอล์อี 85 อยู่ที่ 391.10 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น9.64% เบนซิน อยู่ที่ 292.80 ล้านลิตรลดลง12.33%
ทั้งนี้การใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ที่ลดลงต่อเนื่องมาจากรัฐได้ส่งเสริมให้ผู้ค้าทำส่วนต่างราคาให้ถูกกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 เพียงลิตรละ0.27 บาทเท่านั้นเพื่อให้ประชาชนหันมาใช้แก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นในการส่งเสริมการใช้เอทานอลซึ่งจะเห็นว่าการใช้เริ่มเพิ่มขึ้นมากก่อนที่จะกำหนดให้น้ำมันอี 20 เป็นน้ำมันพื้นฐานต่อไป ขณะที่การใช้น้ำมันกลุ่มอากาศยานอยู่ที่ 5,874.64 ปรับเพิ่มขึ้น 0.4%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนน้ำมันกลุ่มดีเซลอยู่ที่ 20,387.87 ล้านลิตรเพิ่มขึ้น 1.91%
ขณะที่การใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวอยู่ที่5,444.33 ล้านกิโลกรัม(กก.)เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.52% ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(เอ็นจีวี) อยู่ที่ 1,658.01 ล้านกก. ลดลง 11.48% ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์การใช้รถยนต์ปัจจุบันที่มีการติดตั้งการใช้เอ็นจีวีลดลงต่อเนื่องจากปัจจัยทีราคาน้ำมันขณะนี้เฉลี่ยไม่ได้สูงนัก ประกอบกับราคาเอ็นจีวีเริ่มขยับสะท้อนกลไกตลาดโลกและมีสถานีบริการที่ยังไม่ครอบคลุม