นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส เปิดเผยว่า ยอดสะสมการออกบัตรแรบบิท ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 13 ล้านใบ เพิ่มขึ้นประมาณ 4.05 ล้านใบ จากยอดสะสมประมาณ 8.95 ล้านใบจากปี 2561 ที่ผ่านมา เป็นผลจากแนวทางการขยายการใช้งานบัตรแรบบิท
ล่าสุดร่วมกับบริษัท สมาร์ทบัส จำกัด นำร่องใช้บัตรแรบบิทบนรถประจำทางสาย 104 ปากเกร็ด-หมอชิต 2 และสาย 150 ปากเกร็ด-บางกะปิ พร้อมส่วนลด 2 บาท/เที่ยว ตั้งแต่ 19 พ.ย. 62-31 มี.ค. 63
ปัจจุบันทำให้บัตรแรบบิทใช้เดินทางขนส่งสาธารณะได้มากถึง 10 การเดินทาง
บัตรแรบบิทครอบคลุมทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ รถบัส และเรือ ในพื้นที่รวม 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี นครปฐม เชียงใหม่ และภูเก็ต ประกอบด้วย
1. รถไฟฟ้าบีทีเอส 2. รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที 3. รถโดยสารไมโครบัส Y70E ศาลายา-หมอชิต 4. รถเมล์ RTC ซิตี้บัส นนทบุรี 5. เรือข้ามฟากท่ามหาราช-ท่าพระจันทร์ 6. เรือคลองภาษีเจริญ 7. รถเมล์ RTC ซิตี้บัส เชียงใหม่ 8. รถภูเก็ตสมาร์ทบัส จังหวัดภูเก็ต 9. รถประจำทางสาย 104 ปากเกร็ด-หมอชิต 2 และ 10. รถประจำทางสาย 150 ปากเกร็ด-บางกะปิ
นอกจากจุดแข็งเชื่อมโยง 10 การเดินทางแล้ว บัตรแรบบิทยังมีจุดแข็งด้านการใช้จ่าย คือ มีส่วนลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ทั้งแบบเติมเงิน และแบบเติมเที่ยวเดินทาง และยังรองรับการใช้จ่ายมากกว่า 300 แบรนด์ดัง 1,000 กว่าร้านค้า และร้านอาหารชั้นนำ ซึ่งร้านค้าเหล่านี้มีสาขาครอบคลุมพื้นที่สำคัญในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เมื่อใช้จ่ายแล้วยังสามารถแลกคะแนนสะสมรับของรางวัลได้อีก ทั้งหมดนี้ทำให้คาดจะมีผู้ใช้งานบัตรแรบบิทเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ผู้โดยสารส่วนใหญ่เดินทางด้วยบัตรแรบบิทมากถึง 70% ของจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 900,000 เที่ยวคนต่อวัน โดยมีส่วนลดค่าโดยสารบีทีเอสเป็นแรงจูงใจสำคัญ ส่วนที่เหลือเป็นการใช้งานบัตรโดยสารเที่ยวเดียวประมาณ 29% และบัตรโดยสารประเภทหนึ่งวันประมาณ 1%