ผู้จัดการรายวัน360 – ซีอาร์จี แนะเชนใหญ่ต้องเร่งปรับตัวรับมือ”แอพ-ดีลิเวอรี่” มาดิสรัปชั่นร้านอาหารแบบนั่งทาน พร้อมลุยดีลิเวอรี่ผุดคลาวด์คิทเช่นชูกลยุทธ์ ไฮบริด รับศึก เอาจริงลุยศึกสตรีทฟู้ด 2.7 แสนล้านบาท ปั้นแบรนด์ “อร่อยดี” หลังทดลองแล้วได้ผลดี พร้อมขายแฟรนไชส์เสริมทัพ
นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือซีอาร์จี ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารในเครือเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและบริการที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ เรื่องของการดีลิเวอรี่หรือการใช้แอพพลิเคชั่นในการสั่งอาหารเพื่อการจัดส่ง ซึ่งบริการเหล่านี้เข้ามาดิสรัปชัน (Disruption) ธุรกิจที่เป็นร้านอาหารประเภทนั่งทานหรือออฟไลน์สโตร์เต็มตัว
แนวทางการปรับตัวหลักๆคือ 1.ร้านอาหารที่เป็นเชนขนาดใหญ่จะต้องปรับตัวหันมาเน้นบริการจัดส่งหรือดีลิเวอรี่ด้วย 2. การขยายโมเดลร้านอาหารใหม่ๆต้องคำนึงถึงเรื่องของการลงทุนที่ต้องเป็นแบบโลวคอสต์ให้มากขึ้นด้วย เพราะบางทำเลเปิดเป็นดีลิเวอรี่จะดีกว่าเปิดเป็นร้านอาหารที่ต้องลงทุนสูงกว่า และ 3. เรื่องของเมนูอาหาร ที่จะต้องพัฒนาบางเมนูเพื่อให้สอดคล้องกับการดีลิเวอรี่หรืออาจจะต้องพัฒนาเมนูเพื่อบริการจัดส่งอย่างเดียว
ในส่วนของซีอาร์จีก็มีการปรับตัวมาต่อเนื่อง และเน้นดีลิเวอรี่มากขึ้นผ่านทั้งแอพ และช่องทางอื่นๆทำให้รายได้จากช่องทางดีลิเวอรี่มีประมาณ 300 กว่าล้านบาทแล้ว (ไม่นับรวมเคเอฟซี) เติบโต 300% หรือมีสัดส่วน 6% ของยอดขายรวม แบ่งสัดส่วนเป็นช่องทางของเราเอง 30% และผ่านผู้ให้บริการอื่นๆ 70% ตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปีจากนี้ สัดส่วนจะเพิ่มเป็น 20% ได้
โดยบริษัทฯมีแผนที่จะลงทุนแพลตฟอร์ม คลาวด์ คิทเช่น ( Cloud Kitchen) เพื่อรองรับบริการดีลิเวอรี่ ที่จะพัฒนาสร้างจุดแข็งให้เป็น Hybrid Kitchen เพื่อเป็นฮับครัวกลางที่รวมร้านอาหารเด็ด เมนูดัง มาไว้ในที่เดียว เพื่อเพิ่มความหลากหลายและสร้างความแตกต่างในตลาด ทั้งอาหารในเครอืของซีอาร์จีกับอาหารนอกเครือพวกสตรีทฟู้ดดังๆที่เป็นพันธมิตร ขณะนี้มี 2 รายคือ โจ๊กกองปราบ กับ หมูทอดประมวญ ส่วนปีหน้าจะเพิ่มพันธมิตรอีก 10 ราย ลูกค้าสั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่น Food Hunt เพิ่มโอกาสให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายง่ายขึ้นและมากขึ้น และบริการแบบ Grab & Go เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองในช่วงเวลาเร่งรีบตาม Mass Transit ต่างๆ อาทิ สถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT จุดเด่น คือ สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย ลงทุน 2 – 3 ล้านบาทต่อจุด
นายณัฐ กล่าวต่อว่า นอกจากแพลตฟอร์มคลาวด์คิทเช่น บริษัทฯยังมีแผนรุกหนักกับสตรีทฟู้ด แบรนด์ อร่อยดี เต็มตัวในปีหน้า ซึ่งเป็นร้านขายอาหารตามสั่งแบบวิถีชีวิตประจำวัน หลังจากที่ปีนี้ทดลองแล้วได้ผลดีเปิดแล้ว 12 สาขา และสิ้นปีจะมีครบ 15 สาขา ส่วนปีหน้า(2563) เปิดอีก 35 สาขา และเพิ่มเป็น 300 สาขาใน 5 ปี ทั้งในกรุงเทพและปริมณฑล จับมือพันธมิตรศักยภาพ (Key Partner) เพื่อเปิดทำเลใหม่ๆกระจายสาขาให้ครอบคลุม เช่น สถานีบริการน้ำมัน, ธุรกิจค้าส่ง, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, ธุรกิจแต่งบ้านคอนโดมิเนยีม เป็นต้น รวมทั้งค้าปลีกในเครือเซ็นทรัลเอง เพื่อเพิ่มฐานกลุ่มลูกค้าครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี ซึ่งปีหน้าจะเปิดขายแฟรนไชส์ด้วย ลงทุนเฉลี่ย 1.2 – 1.5 ล้านบาทต่อสาขา พื้นที่ 30-70 ตารางเมตร
ช่วงที่ผ่านมาสตรีทฟู้ดในไทย มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.7 แสนล้านบาทต่อปี โตเฉลี่ย 5% ต่อปี และด้วยพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป เนื่องจากว่าความต้องการทานอาหารที่เข้าถึงได้ง่ายและมีรสชาติอร่อย และชอบทานข้าวนอกบ้านมากขึ้น เราจึงเล็งเห็นช่องทางเติบโต อีกทั้งซีอาร์จีเรามีศักยภาพมากพอ พร้อมด้วยทีมบุคลากรในทุกส่วนงาน จึงปั้นแบรนด์ “อร่อยดี” ขึ้นมา และเป็นหนึ่งใน 5 แบรนด์ที่ซีอาร์จีพัฒนาเอง (แบรนด์ ไทยเทอเรส, อร่อยดี, สุกี้เฮ้าส์, ซอฟท์แอร์ และ เกาลูน)