xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ดบีโอไอกระตุ้นลงทุนเมืองนวัตกรรมอาหารเพิ่มอีก 7 แห่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“บอร์ดบีโอไอ” เห็นชอบให้เพิ่ม“เมืองนวัตกรรมอาหาร” อีก 7 แห่งเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบด้านการเกษตรด้วยการวิจัยและพัฒนาในทุกภาคของประเทศ พร้อมขยายพื้นที่ในการให้สิทธิประโยชน์แบบอีอีซีไอให้ครอบคลุมถึงการลงทุนในพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ต่างๆ ทั่วประเทศ ระหว่างที่การพัฒนาพื้นที่อีอีซีไอยังไม่แล้วเสร็จ


น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบให้พื้นที่อีก 7 แห่ง ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะประกาศเป็นเมืองนวัตกรรมอาหาร หรือ Food Innopolis ให้เป็นเขตส่งเสริมการลงทุน นอกเหนือจากโครงการ Food Innopolis ที่ตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะทำให้กิจการที่เข้าไปลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากบีโอไอ เป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของโลก และสนับสนุนโครงการเมืองนวัตกรรมอาหารของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันดำเนินการโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.)

“กิจการเป้าหมาย เช่น การวิจัยพัฒนาด้านเกษตรอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การปรับปรุงพันธุ์ และบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่จะเข้าไปตั้งอยู่ในเมืองนวัตกรรมอาหารทั้ง 8 แห่ง นอกจากจะได้รับสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล อย่างน้อย 5-10 ปี ตามหลักเกณฑ์พื้นฐานของแต่ละประเภทกิจการแล้ว ยังจะได้รับสิทธิเพิ่มเติมเป็นพิเศษ เช่น การลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี หรือเพิ่มจำนวนปีการยกเว้นภาษีเงินได้อีกด้วย เครือข่ายของเมืองนวัตกรรมอาหารจะกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ทั้งในส่วนกลาง เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และภูมิภาค เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” น.ส.ดวงใจกล่าว

จูงใจเอกชนลงทุนด้านนวัตกรรมในอีอีซีไอ

ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่เสนอให้บีโอไอขยายสิทธิประโยชน์ที่ให้กับโครงการลงทุนในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซีไอ ให้ครอบคลุมการลงทุนในพื้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ต่างๆ ทั่วประเทศ ระหว่างที่การพัฒนาพื้นที่อีอีซีไอยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับภาคเอกชนในการย้ายเข้าไปตั้งในอีอีซีไอโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ต้องการดำเนินกิจการในเร็วๆ นี้ และช่วยเร่งให้เกิดการลงทุนในอีอีซีไอโดยเร็วเมื่อพัฒนาแล้วในปี 2565

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดเงื่อนไขว่า โครงการลงทุนที่จะยื่นขอสิทธิประโยชน์ตามมาตรการนี้จะต้องเป็นการลงทุนในกิจการเป้าหมายสำหรับอีอีซีไอ เช่น การวิจัยและพัฒนา บริการทดสอบวิทยาศาสตร์ การผลิตระบบอัตโนมัติ และการพัฒนาซอฟต์แวร์มูลค่าเพิ่มสูง เป็นต้น และจะต้องยื่นคำขอภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2562 โดยจะต้องย้ายที่ตั้งไปอยู่ในเขตอีอีซีไอ ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565 นอกจากนี้ยังต้องมีการพัฒนาบุคลากรไทยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (S&T) ร่วมกับสถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด


กำลังโหลดความคิดเห็น