“สนธิรัตน์” จีบทีวีชอปปิ้งญี่ปุ่น ซื้อสินค้า OTOP ผลไม้ อัญมณีและเครื่องประดับเข้าไปจำหน่ายเพิ่ม หลังสินค้าไทยขายดี ได้รับความนิยม พร้อมดึงมาลงทุนในไทยเจาะตลาดเพื่อนบ้าน เผยยังได้หารือ Spice Road เพิ่มจำนวนร้านอาหารไทย รับช่วยเจรจาเปิดตลาดเกษตรและบริการกับญี่ปุ่น แก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและพ่อครัวแม่ครัว ส่วนผลประชุม HLJC ญี่ปุ่นยินดีหนุนไทยเข้าร่วม CPTPP และผลักดัน RCEP ให้สำเร็จ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการร่วมคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น (HTJC) ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ใช้โอกาสนี้หารือกับบริษัท Jupiter Shop Channel ซึ่งเป็น TV Shopping ใหญ่สุดในญี่ปุ่น และที่ผ่านมาได้มีการนำเข้าสินค้าไทยไปจำหน่าย เช่น หมอนผ้าไหม น้ำหอมอโรม่า กระเป๋าหนังปลากระเบน เครื่องประดับ และมะม่วง ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก โดยที่ประสบความสำเร็จมาก คือ สามารถทำยอดขายมะม่วงน้ำดอกไม้ได้ 30 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง
โดยในการหารือครั้งนี้ บริษัทฯ แจ้งว่าสินค้าเกษตรไทย เช่น มะม่วง มังคุด ทุเรียน สับปะรด ตลอดจนผลิตภัณฑ์ OTOP สินค้าไลฟ์สไตล์ อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคญี่ปุ่น และต้องการได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งได้มอบหมายให้นายวิเชียร ชวลิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดูแลและประสานงานกับ Jupiter ในไทยเพื่อคัดเลือกสินค้า OTOP คุณภาพสูงเข้าสู่การจำหน่ายผ่าน Shopping Channel รวมทั้งสินค้าอื่นๆ
“ได้ขอให้บริษัทฯ ใช้ประโยชน์จากความตกลง JTEPA ซึ่งญี่ปุ่นได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยแล้วกว่า 88% ของจำนวนสินค้ากว่า 9,000 รายการ ในการนำสินค้าไทยเข้าไปจำหน่าย และยังได้เสนอให้บริษัทเพิ่มการลงทุนในไทย เพราะสามารถขยายตลาดไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเรื่องโอกาสในการขยายธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล” นายสนธิรัตน์กล่าว
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า สำหรับการหารือกับบริษัท Spice Road ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านอาหารไทยที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในญี่ปุ่นถึง 24 สาขา โดยมีจำนวน 6 ร้านที่ได้รับตรา Thai Select จากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งบริษัทได้แจ้งว่ามีแผนที่จะขยายสาขาไปยังเมืองอื่นๆ นอกจากโตเกียว แต่ปัจจุบันประสบปัญหาขาดแคลนพ่อครัวแม่ครัวที่มีเงื่อนไขสูงในการให้วีซ่า ขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหาร รวมถึงข้าวหอมมะลิที่มีการกำหนดโควตา ซึ่งไทยจะผลักดันให้ญี่ปุ่นเปิดตลาดสินค้าเกษตรและบริการที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและขาดแคลนพ่อครัวแม่ครัว
ส่วนการประชุม HLJC ระหว่างนายสมคิด กับนายโยชิฮิเดะ สึกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ไทยได้แจ้งญี่ปุ่นถึงความสนใจในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) และความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีความคืบหน้าภายในปีนี้ โดยญี่ปุ่นยินดีสนับสนุนไทยทั้งสองเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และยังได้ดึงดูดให้นักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย