“สนธิรัตน์” ยันไทยพร้อมเป็นครัวอาหารให้บาห์เรน มีสินค้าป้อนความต้องการทุกอย่างที่อยากได้ ทั้งข้าว ผัก ผลไม้ อาหารแปรรูป อาหารฮาลาล ปิ้งเสิร์ฟข้าวหมกไก่ทำจากข้าวพื้นแข็งและไก่ไทย หวังโปรโมตและกระตุ้นความต้องการซื้อ เผยยังได้ชงทำข้อตกลงยอมรับร่วมด้านฮาลาล เชิญให้มาลงทุนใน EEC และเมืองยาง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายซาเยด บิน ราชิด อัล ซายานี รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมการค้าและการท่องเที่ยวของบาห์เรน ในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการร่วม (JSC) ระหว่างไทยกับบาห์เรน ด้านความมั่งคงทางอาหาร การค้าและการลงทุนในผลิตภัณฑ์และโภคภัณฑ์การเกษตร โดยเฉพาะอาหารฮาลาล วันที่ 5 ก.ค. ว่าไทยได้แสดงความพร้อมในการเป็นครัวของโลกตามนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของรัฐบาล โดยได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับบาห์เรนว่าไทยเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรและอาหารฮาลาล ที่สามารถป้อนความต้องการให้กับบาห์เรนได้ ทั้งสินค้าข้าว ผักและผลไม้สด อาหารแปรรูป และสินค้าฮาลาล
ทั้งนี้ ไทยได้นำเสนอให้บาห์เรนเพิ่มการนำเข้าข้าวจากไทยที่นอกจากจากข้าวหอมมะลิ โดยเฉพาะข้าวเจ๊กเชยเสาไห้ ข้าวพิษณุโลก 80 ข้าวพันธุ์ กข 29 หรือชัยนาท 80 ซึ่งเป็นข้าวพื้นแข็งคล้ายข้าวบาสมาติที่ชาวบาห์เรนนิยมรับประทาน โดยได้นำข้าวพันธุ์ดังกล่าวไปทำข้าวหมกไก่เสิร์ฟให้แก่คณะบาห์เรนรับประทาน เพื่อโปรโมตข้าวและไก่ไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากบาห์เรนเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ได้นำเสนอสินค้าน้ำตาล น้ำมันพืช อาหารกระป๋อง ซึ่งเป็นสินค้าเป้าหมายตามเจตนารมณ์ด้านความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงผักและผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป ได้แก่ ข้าวโพดหวาน ถั่วฟักยาว แอสพารากัส สับปะรด ลำไย ส้มโอ มะม่วง มะขามหวาน มังคุด และทุเรียน เป็นต้น ให้บาห์เรนพิจารณานำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ไทยได้เสนอให้บาห์เรนพิจารณาจัดทำข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ด้านมาตรฐานสินค้าฮาลาล ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันในอุตสาหกรรมฮาลาล
ส่วนประเด็นด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ได้มีการหารือการแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้แทนการค้าและคณะนักธุรกิจ การจัดตั้งศูนย์การค้าปลีกสินค้าและบริการของไทยในบาห์เรน การส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมยางพารา การเชิญชวนบาห์เรนเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City)