ผู้จัดการรายวัน 360 - “สยามพิวรรธน์” ร่วมทุน “ไซม่อนกรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกโลกจากอเมริกา ตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยค้าปลีกเซกเมนต์ ลักชัวรีพรีเมียมเอาต์เลตในไทย เบื้องต้นทุ่มมากกว่า 10,000 ล้านบาท ผุด 3 โครงการใน 3-5 ปีแรก
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับทางกลุ่มบริษัท ไซม่อนกรุ๊ป จากอเมริกา เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อว่า บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 130 ล้านบาท ถือหุ้นเท่ากันฝ่ายละ 50% เพื่อดำเนินธุรกิจลักชัวรีพรีเมียมเอาต์เลตในประเทศไทยซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ใหม่ในธุรกิจค้าปลีกของสยามพิวรรธน์ และสามารถที่จะขยายธุรกิจไปในต่างจังหวัดได้ด้วยจากเดิมที่ทำเพียงศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ เท่านั้น
โดยวางแผนภายใน 3-5 ปีจากนี้จะใช้งบประมาณลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เปิดลักชัวรีพรีเมียมเอาต์เลตให้ได้ 3 แห่ง โดยโครงการแรกตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ โซนตะวันออก ยังไม่สรุปชื่อโครงการ พื้นที่เอาต์เลตให้เช่าประมาณ 50,000 ตารางเมตร บนที่ดิน 150 ไร่ ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดบริการเดือนตุลาคม 2562 และยังมีการเตรียมที่จะขยายพื้นที่เพื่อสร้างเอาต์เลตแห่งนี้ให้เป็นเมืองที่มากกว่าการชอปปิ้งด้วย ส่วนอีก 2 โครงการจะอยู่ที่ภาคเหนือกับภาคใต้ วางสัดส่วนลูกค้าคนไทย 60% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40%
“การจะทำลักชัวรีพรีเมียม เอาต์เลต ไม่ใช่เรื่องง่าย ไมใช่ใครก็ตามที่จะทำได้ แม้ว่าเราจะอยู่ในธุรกิจค้าปลีกมีประสบการณ์เป็นที่ยอมรับมานานก็ตาม แต่โมเดลเอาต์เลตนี้เราต้องหาพาร์ตเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะไม่เหมือนกับการทำศูนย์การค้า เราต้องเอาโนว์ฮาวจากคนที่เชี่ยวชาญอย่างไซม่อนมาร่วมทุน ผนวกกับช่วง 7 ปีที่ผ่านมาเอาต์เลตเป็นธุรกิจที่เติบโตดีมาก เราจึงลงทุนในครั้งนี้”
นางชฎาทิพกล่าวว่า พรีเมียมเอาต์เลตเหมาะกับประเทศไทยมากที่มีการเติบโตของประชากรถึง 70 ล้านคน มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 35 ล้านคนต่อปี ในกรุงเทพฯ มีประชากรมากกว่า 14 ล้านคน ใช้ชีวิตอยู่ที่ในพื้นที่เขตเมือง และถือเป็นจังหวัดที่เป็นประตูสู่การท่องเที่ยวของประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พรีเมียมเอาต์เลตแห่งแรกนี้จะมีร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน ลักชัวรีแบรนด์และแบรนด์ของดีไซเนอร์ รวมถึงแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชันแนล และแบรนด์ไทยต่างๆ มอบส่วนลด 25-70% ทุกวัน ที่ใกล้เคียงกับแบรนด์ที่พบได้ในพรีเมียมเอาต์เลตปัจจุบันของไซม่อนในที่ต่างๆ ทั่วโลก มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ การนัดสังสรรค์และกินดื่ม รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสาระและความบันเทิงต่างๆ
นายมาร์ค ซิลเวสทรี Executive Vice President of SIMON GROUP กล่าวว่า ไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายที่กลุ่มไซม่อนสนใจอยู่แล้วเพราะไทยมีความพร้อมและมีศักยภาพในด้านต่างๆรวมทั้วธุรกิจค้าปลีกของไทยก็เติบโตและแข็งแรงมาก ขณะที่ทางกลุ่มสยามพิวรรธน์ที่ติดต่อเข้ามา ก็เป็นกลุ่มที่น่าสนใจมีนโยบายและเป้าหมายด้านพรีเมียมเอาต์เลตเหมือนกัน เราจึงลงทุนที่ไทยซึ่งถือเป็นประเทศที่ 4 ในเอเชียที่เราลงทุน
“ส่วนไซม่อนกรุ๊ป คืออสังหาริมทรัพย์ด้านค้าปลีกรายใหญ่ของโลก จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีมากกว่า 230 โครงการทั่วโลก มีพื้นที่บริการรวม 17,651,578 ตารางเมตร ไซม่อนได้ลงทุนในเอเซียมานานกว่า 20 ปีแล้ว เปิดพรีเมียมเอาต์เลตในเอเชียไปแล้ว 15 แห่ง คือ มี 9 แห่งในญี่ปุ่น มี 4 แห่งในเกาหลีใต้ และมี 2 แห่งในมาเลเซีย ส่วนในอเมริกาเหนือมี 70 แห่ง และอีก 29 แห่งในต่างประเทศ (ในจำนวนนี้มีในเอเชีย 15 แห่ง) ที่ดังๆ เช่น Woodbury Common Premium Outlets (New York), Desert Hills Premium Outlets (Palm Springs), Las Vegas North Premium Outlets, Yeoju Premium Outlets (Seoul), Gotemba Premium Outlets (Tokyo), and Johor Premium Outlets (Malaysia) เป็นต้น ล่าสุดเปิดสาขาในชีฮึง เกาหลีใต้ เกนติ้งไฮแลนด์ในมาเลเซีย พรอวองซ์ในฝรั่งเศส และเอ็ดมอนตันในแคนาดา
อีกทั้งยังมีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการทั้งในอเมริกา และต่างประเทศอีกเช่น มาลากา ดีไซเนอร์ เอาต์เลตในสเปน เร็มไซต์ดีไซเนอร์ เอาต์เลต ในเยอรมนี และเกเรตาโร พรีเมียมเอาต์เลตในเม็กซิโก
ทั้งนี้ ไซม่อนกรุ๊ป มีมูลค่ากิจการตามราคาตลาดรวม 55,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีมูลค่าอสังหาริมทรัพย์รวม 86,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รวมกว่า 230 รายการ ใน 12 ประเทศทั่วโลก เป็นบริษัทชั้นนำในวงการทั้งห้างสรรพสินค้า ห้างมิลส์ พรีเมียมเอาต์เลต มีพื้นที่ให้เช่ามากกว่า 17,651,578 ตารางเมตร รวมแบรนด์ต่างๆ มากกว่า 3,000 แบรนด์ มีรายได้ประมาณ 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และมีผู้มาเยือนประมาณ 2,000 ล้านคนต่อปี