xs
xsm
sm
md
lg

“ดีโด้” จ้างเมียนมาผลิตรุกจีน-อินเดีย เพิ่ม “แคชแวน-ศูนย์ขาย” ลุยรากหญ้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

จันทรา พงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้พร้อมดื่ม ภายใต้แบรนด์ ดีโด้ ร่วมงานเพื่อรับรางวัล No.1 Brand Thailand ยอดนิยมในหมวด Fruit Juice Non 100% ประจำปี 2017-2018 จัดขึ้นโดยนิตยสาร Marketeer อ้างอิงผลสำรวจของ วิดีโอ รีเสิร์ช อินเตอร์เนชั่นแนล
ผู้จัดการรายวัน360 - ตลาดต่างประเทศไปได้สวย “ฟู้ดสตาร์” ลุยต่อเนื่อง ปีนี้จ้าง OEM ผลิตให้ในเมียนมา รวมถึง OEM ประเทศอื่นๆ ใน CLMV ขยายตลาดเซาท์อีสต์เอเชียเพิ่ม ส่วนในไทยอัดงบ 200 ล้านบาท เท่าปีก่อน เพิ่มช่องทางขาย ผุดรถแคชแวนให้ได้ 350 คัน ใน 2 ปี หวังเข้าถึงตลาดรากหญ้าแบบเคาะประตูหน้าบ้าน มั่นใจจบปี 61 นี้ รายได้ 3,500 ล้านบาท โต 10%

นางจันทรา พงศ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย น้ำผลไม้ผสม ตรา ดีโด้ และะอื่นๆ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดน้ำผลไม้ผสมปี 2561 นี้ อาจจะดีไม่เท่าปีก่อน ซึ่งเป็นทั้งอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ปีนี้ไม่ค่อยดี แต่ทางบริษัทยังคงพร้อมใช้งบ 200 ล้านบาท เท่ากับปีก่อนในการทำตลาด ซึ่งปีนี้จะเน้นสื่อออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียจากปกติใช้งบ 10% จะเพิ่มเป็น 30% เนื่องจากฟู้ดสตาร์มีหลายผลิตภัณฑ์ จับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย

นอกจากนี้ ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น จะเน้นกระจายช่องทางการเข้าถึงให้มากขึ้น ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทพร้อมขยายศูนย์จำหน่ายเป็น 26 ศูนย์ พร้อมเพิ่มรถแคชแวนจาก 120 คัน เป็น 350 คัน ภายใน 2 ปี เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ารากหญ้า หรือในต่างจังหวัด ที่ผลิตภัณฑ์เข้าไปไม่ถึง ขณะที่ปีนี้บริษัทยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้เปิดตัวไปแล้ว 3 แบรนด์ คือ มิกกุ, จุ๊ยซี่ และ โยฟรุ๊ต และครึ่งปีหลังจะเปิดตัวอีก 2 แบรนด์

สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น ปีนี้จะเปิดตลาดใหม่ในประเทศเกาหลี รวมถึงอินโดนีเซียที่กำลังอยู่ระหว่าง การขออนุญาติอยู่ จากปัจจุบันจะเน้น กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่าง CLMV เป็นหลัก รวมถึง จีน อินเดีย และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งปีนี้จากยอดขายที่ดีมากในเมียนมา บริษัทจึงมีแผน จ้าง OEM หรือ การจ้างผู้ผลิตท้องถิ่นในเมียนมา เป็นฐานผลิตสินค้าให้ เพื่อจำหน่ายในเมียนมา ถือเป็นการลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี

“ปีนี้นอกจากจะเน้นการทำตลาดในประเทศผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น และเพิ่มช่องทางกระจายสินค้า บวกกับขยายตลาดต่างประเทศ มั่นใจว่าสิ้นปี2561 บริษัทจะมีรายได้เติบโตอย่างน้อย 10% หรือคิดเป็นรายได้รวมกว่า 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็นในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40%” นางจันทรา กล่าว


กระทรวงพาณิชย์จับมือ “โฟร์โมสต์” สานต่อโครงการ “ธงฟ้าประชารัฐ” เน้นพัฒนาการกระจายสินค้ารองรับโครงการฯ เฟสสอง
กระทรวงพาณิชย์จับมือ “โฟร์โมสต์” สานต่อโครงการ “ธงฟ้าประชารัฐ” เน้นพัฒนาการกระจายสินค้ารองรับโครงการฯ เฟสสอง
กระทรวงพาณิชย์ ร่วมมือ โฟร์โมสต์ เดินหน้าสานต่อความสำเร็จของโครงการ ธงฟ้าประรัฐ หลังได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนด้วยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ณ ร้านธงฟ้าประชารัฐ ที่มียอดสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาทนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ล่าสุด เร่งเครื่องโครงการฯ เฟสสอง ผนึกกำลังภาคเอกชนมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าธงฟ้า หลังเพิ่มจำนวนร้านธงฟ้าครบ 40,000 แห่งก่อนกำหนด เตรียมทดลองติดตั้งระบบบันทึกข้อมูลการขายโดยใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน (POS) เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และปรับใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการบริหารจัดการโครงการฯ หวังเพิ่มรายการสินค้าธงฟ้าให้ตรงความต้องการของประชาชน พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมอบรมเทคนิคการทำธุรกิจเพื่อสร้างความเข้าใจและเสริมความแข็งแกร่งให้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน
กำลังโหลดความคิดเห็น