"กระทรวงพาณิชย์" ร่วมมือ "โฟร์โมสต์" เดินหน้าสานต่อความสำเร็จของโครงการ "ธงฟ้าประชารัฐ" หลังได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนด้วยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ณ ร้านธงฟ้าประชารัฐ ที่มียอดสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาทนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ล่าสุดเร่งเครื่องโครงการฯ เฟสสอง ผนึกกำลังภาคเอกชนมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพในการกระจายสินค้าธงฟ้า หลังเพิ่มจำนวนร้านธงฟ้าครบ 40,000 แห่งก่อนกำหนด เตรียมทดลองติดตั้งระบบบันทึกข้อมูลการขายโดยใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน (POS) เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และปรับใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการบริหารจัดการโครงการฯ หวังเพิ่มรายการสินค้าธงฟ้าให้ตรงความต้องการของประชาชน พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมอบรมเทคนิคการทำธุรกิจเพื่อสร้างความเข้าใจและเสริมความแข็งแกร่งให้กับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า "หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เปิดตัว โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อย ไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จและได้รับกระแสการตอบรับที่ดีจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะการดำเนินการตามแผนในการเร่งเพิ่มจำนวนร้านค้าธงฟ้าให้ครอบคลุมวงกว้าง โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีร้านค้าที่มาสมัครเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐแล้วกว่า 40,000 แห่งทั่วประเทศ ครบจำนวนก่อนกำหนดตามแผนที่วางไว้ รวมถึงภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ที่ร่วมสนับสนุนสินค้าเพื่อนำมาจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดกว่า 541 รายการ แบ่งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน 66% สินค้าอุปกรณ์การศึกษา 15% และสินค้าปัจจัยทางการเกษตร 19% ทั้งนี้ จากการสำรวจ ผลการดำเนินโครงการฯ พบว่ามียอดใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ร้านธงฟ้าประชารัฐสูงถึง 2.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับเฟสที่สองของโครงการธงฟ้าประชารัฐ กระทรวงพาณิชย์วางแผนที่จะพัฒนาการบริหารจัดการโครงการธงฟ้าประชารัฐให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากการแก้ไขปัญหาการกระจายสินค้าธงฟ้าไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นผลจากการขาดการจัดการข้อมูล การซื้อขายหน้าร้านของแต่ละร้านค้าทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการคลังสินค้าของตนเองได้ เบื้องต้นได้เตรียมทดลองติดตั้งระบบบันทึกข้อมูลการขายโดยใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงิน (POS) หรือ Point of Sales แก่ร้านค้าธงฟ้าฯ บางส่วน เพื่อช่วยให้ร้านค้าสามารถประเมินการขายสินค้าแต่ละประเภท จากนั้นทำการวิเคราะห์และวางแผนการจัดสต๊อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนกระทรวงฯ ก็สามารถนำข้อมูลส่วนนี้มาวิเคราะห์เป็นแนวทางในการบริหารจัดการโครงการฯ ให้ดียิ่งขึ้น เช่น การขยายขอบเขตของกลุ่มสินค้าธงฟ้า การเพิ่มรายการสินค้าธงฟ้าให้ครอบคลุมความต้องการของประชาชนที่มีรายได้น้อย เป็นต้น รวมถึงยังได้จัดกิจกรรมอบรมเทคนิคการทำธุรกิจให้กับร้านค้าธงฟ้า เพื่อสร้างความเข้าใจและเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินกิจการร้านค้าของตนเอง เพื่อพัฒนาสู่การเป็น 'ร้านโชวห่วยไฮบริด' สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน
นายพนิต ปวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นม "โฟร์โมสต์" เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ได้สนับสนุนนโยบายของภาครัฐ โดยการเข้าร่วมโครงการ "ธงฟ้าประชารัฐ" โดยมีผลิตภัณฑ์นม 3 กลุ่ม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มยูเอชที "โฟร์โมสต์" ผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มยูเอชที สำหรับเด็ก "โฟร์โมสต์ โอเมก้า" และผลิตภัณฑ์นมข้นหวานและนมข้นจืด "นกเหยี่ยว ฟอลคอน โพรเฟสชัลแนล" ที่เข้าร่วมโครงการฯ และจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป ทั้งนี้ ช่วงหกเดือนที่ผ่านมาเราพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ "โฟร์โมสต์ โอเมก้า" นมพร้อมดื่มยูเอชทีสำหรับเด็ก สำหรับแผนการสนับสนุนโครงการฯ หลังจากนี้ บริษัทฯ พร้อมให้การสนับสนุนนโยบายกระทรวงพาณิชย์เพื่อร่วมพัฒนา และยกระดับร้านค้าธงฟ้าประชารัฐสู่การบริหารจัดการแบบมืออาชีพ เตรียมร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) โดยเดินสายพบปะร้านค้าโชวห่วยตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น พิษณุโลก เชียงใหม่ อุดรธานี บุรีรัมย์ ราชบุรี ชลบุรี สุราษฎร์ธานี และกระบี่ เป็นต้น และยังได้เตรียมจัดสินค้าราคาพิเศษสำหรับผู้ประกอบร้านค้าโชวห่วยที่เข้าร่วมงานดังกล่าวอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าโดยใช้ฐานข้อมูลจากร้านค้าส่งที่ได้รับจากกรมการค้าภายใน ซึ่งเราจะเน้นการเข้าหาร้านค้าส่งในแต่ละพื้นที่โดยตรง เนื่องจากร้านค้าส่งเหล่านี้จะทราบถึงความต้องการสินค้าต่างๆ ของร้านค้าปลีกในเขตพื้นที่ของตนเอง ทั้งยังมีระบบการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย สำหรับในแง่ของผู้บริโภค บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับกระทรวงฯ ในการให้ความรู้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเกี่ยวกับประโยชน์ของการบริโภคนมโคแท้ 100% ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ของกระทรวงฯ อีกด้วย”
“การที่บริษัทฯ เข้าร่วมโครงการฯ นี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรัฐบาลลดภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคชาวไทยในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์นมที่มีประโยชน์ในราคาที่เหมาะสม มุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดีด้วยการบริโภคนม และเป็นกลไกสำคัญของโครงการ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้น้อยนำบัตรมารูดซื้อสินค้าในราคาที่ประหยัด นอกจากนี้ ยังช่วยกระจายรายได้ในระบบเศรษฐกิจและผลักดันให้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตขึ้น” นายพนิตกล่าวสรุป