ผู้จัดการรายวัน 360 - “พาซาญ่า” ปรับกลยุทธ์ หลังถูกสินค้าจีนก็อปปี้มาสิบปี ร่วมทุนตั้งบริษัทเจาะตลาดจีน ชูโมเดลขายแฟรนไชส์ เปิดชอปทั่วจีน นำร่อง กว่างโจว ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หวังยอดขาย 100 ล้านบาทช่วงปีแรกที่จีน ส่วนในไทยปรับโมเดลชอปลดพื้นที่ลง มั่นใจปีนี้โต 10% ครั้งแรกในรอบ 10 ปี
นายชเล วุทธานันทท์ กรรมการบริหาร บริษัท เท็กซ์ไทล์ แกลลอรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าชิ้น แบรนด์ พาซาญ่า (PASAYA) ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดตลาดจีนอย่างเต็มตัวและเป็นทางการ หลังจากที่ผ่านมาสินค้าแบรนด์พาซาญ่าถูกลอกเลียนแบบจากผู้ผลิตในตลาดจีน เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำและขายราคาถูกกว่าในไทย 30% มานานนับ 10 ปี ซึ่งบริษัทฯ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อีกทั้งบริษัทฯ ไม่สามารถส่งสินค้าตอบสนองความต้องการตลาดได้ทันด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่าต้นทุนการผลิตสินค้าลอกเลียนแบบในจีนสูงขึ้น ด้วยค่าแรงคนจีนที่มากกว่าไทยถึง 2 เท่าตัว ทำให้ปัญหาการผลิตสินค้าลอกเลียนแบบน้อยลง บริษัทฯ จึงตัดสินใจเปิดตลาดจีนด้วยการตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อรุกตลาดจีนอย่างเต็มตัว และเป็นการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มด้วย จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศมีประมาณ 20%
แผนธุรกิจในจีนคือ การตั้งบริษัท พาซาญ่า ซีโนเปีย ร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท เท็กซ์ไทล์ แกลลอรี่ จำกัด ของพาซาญ่า ถือหุ้นสูงสุด 40% กับบริษัท Doers Knowledge Management (THAILAND) จำกัด และนักธุรกิจชาวไต้หวัน นายหลิน อี่ ห่าว และนาย เซิ่น จุ้น ชิน บริษัท GEP Spinning จำกัด ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อส่งออกสินค้าพาซาญ่าจากไทยเข้าสู่ตลาดจีนด้วยระบบการขายแฟรนไชส์ให้กับคนที่สนใจในการเปิดชอป พาซาญ่า คาดลงทุนประมาณ 10 ล้านบาทต่อชอป เบื้องต้นมองไปที่ตลาดหลักเช่น กว่างโจว ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และฉงชิ่ง เป็นต้น ตั้งเป้าหมาย 5 ชอปในช่วงปีนี้ ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะขยายช่องทางแบบออนไลน์ด้วย อยู่ระหว่างการเตรียมการ โดยเป้าหมายยอดขายในจีนประมาณ 100 ล้านบาท ในช่วงปีแรกที่ดำเนินการ
“ในตลาดจีนมีผู้ประกอบการใหญ่ 3-4 แบรนด์ แต่เรามีความได้เปรียบเพราะเป็นรายเดียวที่มีฐานการผลิตเอง ส่วนแบรนด์อื่นไม่ได้ผลิตเอง เป็นการไปซื้อวัตถุดิบจากที่อื่นมาทำ อีกทั้งเรามีผู้ร่วมทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่า ทั้งเทคโนโลยี วัตถุดิบ ทั้งการจัดการบริหาร” นายชเลกล่าว
นอกจากนั้น ยังได้มีการจัดตั้งบริษัทอีกแห่งเป็นของพาซาญ่าเอง ชื่อว่า พาซาญ่า ไชน่า เพื่อดำเนินธุรกิจนำสินค้าผ้าจากไทยไปจำหน่ายที่จีน
ปัจจุบันบริษัทฯ มีการส่งสินค้าพาซาญ่าไปต่างประเทศอยู่แล้ว เช่น ผ้าผืน ส่งไปจีน ญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย เอเชียอาคเนย์ เป็นต้น ส่วนผ้าสำเร็จรูปส่งไปขายที่เอเชียเป็นหลัก และจะเริ่มขยายตลาดจีนด้วย
ส่วนแผนธุรกิจในไทย นายชเลกล่าวว่า จะปรับโมเดลชอปใหม่ จากปัจจุบันมีประมาณ 8 ชอปรวมทั้งเอาต์เลตด้วย โดยจะทำการลดขนาดพื้นที่ของชอปลง ให้เหลือประมาณ 70-80 ตารางเมตร จากเดิมขนาดมากกว่า 100-200 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อสาขา ขณะที่การเปิดชอปใหม่ก็วางแผนจะเปิดอีก 12 ชอป จะเป็นโมเดลใหม่ที่เล็กลง เจาะตามหัวเมืองหลักและเมืองท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมายอดขายรวมของพาซาญ่ากรุ๊ปไม่ได้เติบโตมากนัก รายได้รวมอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปีมาโดยตลอด เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี กำลังซื้อที่ถดถอยลง และปัญหาต่างๆ มากมาย อีกทั้งธุรกิจเท็กซ์ไทล์ในไทยที่ผ่านมาก็ปิดกิจการลงไปจำนวนมาก เพราะต้นทุนที่สูงขึ้น วัตถุดิบที่หายาก อย่างไรก็ตาม จากแผนการขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้น และการปรับโมเดลในไทย รวมทั้งการออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะทำให้ยอดขายรวมเติบโต 10% ซึ่งถือเป็นการกลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีก็ว่าได้
ล่าสุดได้เปิดตัวสินค้าใหม่โดยการนำเอาเทคโนโลยีของพันธมิตร คือ GEP Spining มาผสานกับการออกแบบเนื้อผ้าและลวดลายที่สร้างสรรค์โดยพาซาญ่าเพื่อเจาะตลาดจีน คือ ชุดเครื่องนอนคอลลาเจน คอลเลกชันสุโขทัย ชุดเครื่องนอนผ้าฝ้าย ยังมีหมอนยางพาราที่เป็นตัวชูโรงของพาซาญ่าอีกด้วย ปัจจุบันสินค้าหมอนยางพาราจากเมืองไทย เป็นที่ต้องการของตลาดจีนอย่างมาก แต่หมอนยางพาราที่ขายในจีนส่วนใหญ่เป็นการผลิตในจีนเอง หรือประเทศอื่นๆ แถบอาเซียนแล้วโฆษณาเป็นของเมืองไทย ซึ่งกระบวนการผลิตอาจไม่ตรงกับคุณภาพตามแบบฉบับของสินค้าไทย