ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดสแน็กมูลค่า 45,000 ล้านบาทยังเติบโตดี สองยักษ์เคลื่อนทัพร่วมสมรภูมิซีสแน็ก “เซ็ปเป้” ปั้น 2 แบรนด์ใหม่ “ซีแม็กซ์” และ “ชิมดิ” เป้ารายได้ปีแรก 70 ล้านบาท ด้าน “ส.ขอนแก่น” เซ็งกฎเกณฑ์ต่างประเทศนำเข้าสแน็กจากหมู เบนเข็มมุ่งซีสแน็ก คาดสรุปเปิดตัวเร็วๆ นี้
นายวรพงศ์ เกียรติดำรงวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ยี่ห้อเซ็ปเป้, โมกุ โมกุ, บิวติดริ้งค์ และกาแฟเพรียว เปิดเผยว่า ตลาดรวมขนมขบเคี้ยวหรือสแน็กในประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่ มูลค่ารวมมากกว่า 45,000 ล้านบาท และมีการเติบโตดีไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี เน้นการแข่งขันด้านนวัตกรรมจึงทำให้ตลาดโตต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในเซกเมนต์ของสแน็กที่ทำมาจากเนื้อปลา ซึ่งมีสัดส่วนตลาดประมาณ 10% เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตดีมากกว่า 10% ในช่วงที่ผ่านมา แต่มีผู้เล่นรายใหญ่เพียงไม่กี่รายเท่านั้น เช่น ฟิชโช และทาโร่ จึงทำให้บริษัทฯ มองเห็นโอกาสในการทำตลาดเซกเมนต์นี้ เพื่อเป็นการขยายตลาดจากธุรกิจเดิมคือเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว เข้าสู่ตลาดสแน็ก
ล่าสุดบริษัทฯ ได้ขยายไลน์ธุรกิจสู่ตลาดสแน็ก ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ “ซี แมกซ์ (ZEA Max) เป็นสแน็กในกลุ่มสุขภาพที่ผลิตจากเนื้อปลา รวมถึงอีกแบรนด์คือ ชิมดิ ในกลุ่มของสแน็กคางกุ้งซึ่งเปิดตัวเป็นทางการในงานไทยเฟ็กซ์ปี 2561 นี้ เพื่อเป็นการขยายฐานทางธุรกิจ และเป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้เติบโตอย่างยั่งยืน จากการทำตลาดเครื่องดื่มอย่างเดียว จากปัจบันที่บริษัทฯ มีสินค้ารวมมากกว่า 14 แบรนด์ ใน 4 กลุ่มหลัก คือ เครื่องดื่มเซ็ปเป้, โมกุโมกุ, กาแฟเพรียวคอฟฟี่ และล่าสุดคือ สแน็ก 2 แบรนด์ใหม่
เบื้องต้นวางงบประมาณด้านการตลาดไว้ที่ 10 ล้านบาท เน้นการสร้างแบรนด์ ซีแมกซ์ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นก่อน เน้นการใช้สื่อออนไลน์มากถึง 70% และยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การแจกชิมทำเลตามออฟฟิศทั่วไป รวมกว่า 1 ล้านชิ้น เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 18-25 ปี โดยจะเริ่มวางจำหน่ายซีแม็กซ์ในไทยเป็นทางการไตรมาสสามปีนี้ เบื้องต้นมี 3 รสชาติ คือ รสต้นตำรับ, รสต้มยำหม้อไฟ และรสทรงเครื่อง ราคาซองละ 30 บาท ส่วนแบรนด์ ชิมดิ ที่เป็นสแน็กคางกุ้งจะเน้นส่งออก 100% ตั้งเป้าหมายยอดขายปีแรกนี้ 70 ล้านบาท มั่นใจว่าจะสามารถช่วยผลักดันยอดขายปี 2561 เป็น 3,000 ล้านบาท จากเดิม 2,700 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็น ต่างประเทศ 68% และในประเทศ 32%
นายจรัญพจน์ รุจิราโสภณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและการขาย บริษัท ส.ขอนแก่น ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์และขนมขบเคี้ยวแบรนด์ อองเทร่ เปิดเผยว่า จากปัญหาการทำตลาดและการส่งออกอาหารที่ใช้หมูเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าที่จะมีความยุ่งยากในการนำเข้าในหลายประเทศที่มีกฎหมาย ข้อห้าม หลักเกณฑ์มากมายที่แตกต่างกันในหลายประเทศ ทำให้ที่ผ่านมาทำการส่งออกแบรดน์อองเทร่ที่เป็นสแน็กที่ผลิตจากหมูส่งออกได้เฉพาะในฮ่องกงเท่านั้น
ทั้งนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทฯ ต้องหันมาพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่เป็นขนมขบเคี้ยวหรือสแน็กที่ไม่ใช้หมูเป็นวัตถุดิบในการผลิต แต่มุ่งไปที่วัตถุดิบการนำเอาอาหารทะเลเป็นหลักในการผลิต เพื่อเป็นการเสาะหาฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และสามารถนำเข้าไปจำหน่ายต่างประเทศได้ง่ายกว่า ถือเป็นการสร้างความหลากหลายของสินค้าด้วย คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆ นี้
นายจรัญพจน์กล่าวด้วยว่า การขยายตลาดสู่สแน็กใหม่ๆ จะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้รายได้รวมของบริษัทฯ ในปี 2561 เติบโตขึ้นประมาณ 7-8% จากรายได้รวมปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 2,700 ล้านบาท และตั้งเป้ามหมายรายได้รวมเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท ในปี 2566