รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานย้ำน้ำมันขึ้นก็ไม่เกี่ยวค่าไฟสิ้นปีนี้หรืองวด ก.ย.-ธ.ค. 61 ไม่ปรับขึ้นตามแน่ เหตุต้องสะท้อนหลัง 6-12 เดือนแถมกระทบไม่มาก เตรียมเรียกถก กบง.บ่ายวันนี้หารือรับมือตรึงดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท และลดราคาแอลพีจีหลังเห็นสัญญาณโลกลดแล้ว
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากระดับราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับขึ้นสูงจนส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนั้นจะไม่กระทบต่อค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ในทันที เนื่องจากสูตรของราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าจะอิงราคาน้ำมันเตา 6-12 เดือนย้อนหลัง จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าค่าเอฟทีตลอดจนถึงสิ้นปีนี้โดยเฉพาะงวด ก.ย.-ธ.ค. 61 จะไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด
“ค่าเอฟทีที่จะเปลี่ยนแปลงทุก 4 เดือนตามต้นทุนเชื้อเพลิงนั้นแม้น้ำมันขึ้นก็ไม่ได้ยึดโยงโดยตรงทันที ขณะเดียวกันสูตรของราคาก๊าซฯ ก็มีทั้งราคาอ่าวไทย และแหล่งนำเข้าอื่นๆ เช่นจากพม่า รวมถึงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โดยเฉพาะอ่าวไทยนั้นมีราคาต่ำกว่า ส่วนผลกระทบน้ำมันที่จะสะท้อนไปยังราคาก๊าซฯ และค่าไฟจะไปอยู่ในช่วงต้นปีหน้านั้นการจะดูแลผลกระทบอย่างไรก็ต้องไปดูรายละเอียด ซึ่งเรื่องนี้ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะเป็นผู้พิจารณา” นายศิริกล่าว
สำหรับราคาน้ำมันในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีความผันผวนในระดับสูงจนทำให้มีการเปลี่ยนแปลงต่อราคาขายปลีกในไทยเฉลี่ยปรับขึ้น 4 บาทต่อลิตร เฉพาะดีเซลขึ้น 3.20 บาทต่อลิตร ขณะที่ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ปรับขึ้นมาอยู่เฉลี่ย 395 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม(กก.) หรือขึ้น 40 บาทต่อถัง โดยช่วงบ่ายวันนี้ (24 พ.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ด่วนที่มีตนเป็นประธานเพื่อพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบ
ส่วนของดีเซล ก่อนที่จะมีการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลเกรดพิเศษบี 20 ให้กับรถบรรทุกและรถโดยสารขนาดใหญ่ต่ำกว่าดีเซลบี 7 จำนวน 3 บาทต่อลิตร จะใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 3.05 หมื่นล้านบาทมาอุดหนุนไม่ให้ดีเซลเกินระดับ 30 บาทต่อลิตร จากนั้นหากราคาตลาดโลกขึ้นต่อเนื่องอีก เมื่อมีการจำหน่ายบี 20 ก็จะอุดหนุน 50% ของราคาที่จะปรับขึ้น
ขณะที่ราคาแอลพีจีนั้น ขณะนี้เป็นที่น่ายินดีว่าราคาตลาดโลกเริ่มปรับลดลงแล้วเนื่องจากประเทศแถบตะวันตกเริ่มมีอากาศที่ร้อนขึ้นตามช่วงฤดูกาลซึ่งจะทำให้ความต้องการแอลพีจีลดลง ดังนั้นแนวทางราคาแอลพีจีในไทยจึงมีแนวโน้มจะปรับลดลงได้ และ กบง.จะพิจารณาบ่ายนี้ว่าจะลดลงได้มากน้อยเพียงใด และจะต้องมีแนวทางการบริหารเพิ่มเติมหรือไม่เพื่อให้ราคาไม่กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน
นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ประธาน กกพ.กล่าวว่า กกพ.พยายามบริหารค่าเอฟทีในแต่ละงวดให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และขณะเดียวกันก็ต้องมองในปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ที่จะไม่กระทบต่อภาระประชาชนด้วย ซึ่งที่ผ่านมา กกพ.ได้พยายามบริหารจัดการโดยเกลี่ยค่าไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่ก็จะไม่ทำให้เกิดการบิดเบือนเช่นกัน โดยก่อนหน้า กกพ.ก็มีความพยายามที่จะเกลี่ยต้นทุนแล้วตรึงค่าไฟตลอดถึงสิ้นปีนี้