ผู้จัดการรายวัน360 - ธรรมชาติคนไทยชอบดราม่า “เวิร์คพอยท์ทีวี” เมินกระแส “ออเจ้า” ตอกกลับยอดคนดูออนไลน์แรงดีไม่มีตก พร้อมเดินตามแผนเดิม ส่งรายการใหม่มัดใจคนดูทั้งปี แย้มครึ่งปีหลัง “โอตะ” เตรียมซัปพอร์ต เหตุดึง BNK48 ผุดรายการใหม่สร้างแกร่ง
นายชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานดิจิทัลทีวี บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ดูแลช่องเวิร์คพอยท์ทีวี เปิดเผยว่า ภาพรวมการแข่งขันทีวีดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่า ในส่วนของช่องเวิร์คพอยท์ทีวีเรตติ้งรายการช่วงหลังข่าวในพระราชสำนักอาจจะลดลงไปบ้าง ซึ่งมาจากหลายปัจจัย เช่น 1. กระแสละครบุพเพสันนิวาส ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะคนไทยชอบดูละคร 2. รายการที่นำเสนอเรตติ้งค่อนข้างนิ่ง แต่ความนิยมยังดีอยู่ เห็นได้จากเรตติ้งทางทีวีจะนิ่ง แต่ช่องทางออนไลน์ถือว่าดีมาก ทั้งแบบดูแบบไลฟ์สด หรือแบบย้อนหลัง
“เวลามีละครดีๆ ออกมาเป็นเรื่องปกติที่เรตติ้งรายการจะขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งถือเป็นธรรมชาติของการทำธุรกิจโทรทัศน์ รวมถึงละครบุพเพสันนิวาสที่ได้รับความสนใจสูงมากในช่วงที่ผ่านมา แต่สำหรับรายการของทางเวิร์คพอยท์ทีวี ไม่ได้รับผลกระทบกับกระแสที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะรายการ i can see your voice และ the mask singer ที่ออกอากาศในช่วงวันและเวลาเดียวกัน ยังได้รับความสนใจจากเอเยนซี่และเจ้าของสินค้าในการลงโฆษณาอย่างดี ไม่ได้มีลดลงหรือหายไป ส่วนหนึ่งเป็นการซื้อโฆษณาที่วางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว”
นายชลากรณ์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมรายการต่างๆ ปีนี้ เรตติ้งทางทีวีไปได้เรื่อยๆ ไม่แรงเหมือนก่อน แต่ช่องทางออนไลน์โดดเด่นมาก ในหลายๆ รายการ เช่น รายการข่าว และรายการใหม่ อย่าง the show ช่องทางทีวีอาจจะไม่ดีแต่ออนไลน์กระแสการตอบรับดี ยอดวิวสูงมาก โดยปี 2561 นี้ รายได้ออนไลน์น่าจะไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งทางบริษัทให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ใน 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ 1. ยูทูป เป็นแพลตฟอร์มต่างประเทศเอื้อต่อเอเยนซี่กับสินค้าบริษัทข้ามชาติ 2. ไลน์ทีวี ขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละช่อง และ 3. เฟซบุ๊ก ขึ้นอยู่กับการบริหารของช่อง
อย่างไรก็ตาม ทางเวิร์คพอยท์ทีวียังคงดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะการนำเสนอรายการใหม่ๆ ทุกเดือน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทางช่องที่ใช้กลยุทธ์นี้มาตั้งแต่เริ่ม และหากรายการไหนได้รับความนิยมน้อยก็ถอดออก ถือเป็นเรื่องปกติ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการปรับผังรายการและนำเสนอรายการใหม่ต่อเนื่องรวมแล้วกว่า 10 รายการ ซึ่งมีทั้งบิ๊ก ฟอร์แมต, ซีรีส์ดังจากจีนและอินเดีย ละครไทย เช่น Diva Makeover (เสียงเปลี่ยนสวย) และ Show me your son (ลูกแม่หล่อมาก) ในช่วงไพรม์ไทม์ เวลา 21.15 น. รายการ The Rapper ,The Show เป็นต้น ซึ่งมีผู้สนับสนุนหลักและขายโฆษณาเต็มทุกอัตรา 3 แสนบาทต่อนาที
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังยังเตรียมนำเสนอรายการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น รายการใหม่ที่ร่วมกับทางไอดอล วง BNK48 รวมถึงรายการกีฬาที่เพิ่มเข้ามาด้วย เช่น การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลชิงแชมป์หญิง, มวยไทย และ เอเชี่ยนเกมส์ 2018 ในช่วงเดือน ส.ค.- ก.ย. นี้ เป็นต้น
สำหรับการปรับผังรายการใหม่ จะเน้นเพิ่มเรตติ้งผู้ชมต่อเนื่อง หากได้รับการตอบรับดี จะทำให้สามารถขยับราคาโฆษณาได้ที่อัตราเฉลี่ย 8.5 หมื่นบาทต่อนาที เพิ่มขึ้นจาก 7.5 หมื่นบาทต่อนาทีจากปีก่อน โดยปี 2560 ที่ผ่านมา เวิร์คพอยท์มีรายได้จากโฆษณาทีวีกว่า 2,800 ล้านบาท และรายได้จากสื่อออนไลน์ 80 - 90 ล้านบาท ขณะที่รายการ i can see your voice และ the mask singer เป็น 2 รายการที่มีค่าโฆณาสูงสุดอยู่ที่ 4.2 แสนบาทต่อนาที.