ร.ฟ.ท.เผยจำนวนผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ช่วง 7 วัน (11-17 เม.ย.) มีผู้ใช้บริการหนาแน่นเกือบ 8 แสนคน เพิ่มจากสงกรานต์ปีก่อนกว่า 1.6 หมื่นคน สาเหตุจากมีวันหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน โดยการรถไฟฯ ได้พ่วงตู้โดยสารเพิ่มจนเต็มหน่วยลากจูง ในขบวนประจำ 235 ขบวนต่อวัน และเสริมขบวนพิเศษอีก 9-20 ขบวน ให้บริการโดยไม่มีผู้โดยสารตกค้าง
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า จำนวนผู้ใช้บริการที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2561) มีจำนวนทั้งสิ้น 729,270 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 16,343 คน หรือคิดเป็น 2% ของจำนวนผู้ใช้บริการ สาเหตุเนื่องจากปีนี้มีวันหยุดยาวติดต่อกันถึง 5 วัน จึงทำให้ยอดผู้ใช้บริการมีจำนวนเพิ่มขึ้น
สำหรับเส้นทางที่ผู้โดยสารเดินทางมากที่สุด คือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้โดยสารจำนวน 207,840 คน ถัดมาคือ สายใต้ 203,961 คน สายเหนือ 167,385 คน สายตะวันออก 84,368 คน และสายแม่กลอง 65,716 คน โดยในวันที่ 12 เมษายน 2561 มีผู้โดยสารเดินทางสูงสุด คือ 116,827 คน
โดยการรถไฟฯ ได้จัดเดินขบวนรถและพ่วงตู้โดยสารเพิ่มจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถที่มีการวิ่งให้บริการเป็นประจำ จำนวน 235 ขบวนต่อวัน นอกจากนี้ได้มีการเพิ่มขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร ในระหว่างวันที่ 11-13 เมษายน 2561 (เที่ยวไป 9 ขบวน) และวันที่ 15-17 เมษายน 2561 (เที่ยวกลับ 11 ขบวน) รวมทั้งหมด 20 ขบวน เพื่อให้บริการประชาชน
ภาพรวมการโดยสารในปีนี้ ด้านจำนวนขบวนรถและตู้โดยสารเพียงพอ ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง การจำหน่ายตั๋วเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ด้านความปลอดภัย ได้รับความร่วมมือจากกองบังคับการตำรวจรถไฟ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสารวัตรทหารบกจากกรมทหารราบที่ 11 ในการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารประจำสถานีและบนขบวนรถ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในสถานีและบนขบวนรถ รวมถึงการจัดระเบียบในการใช้บริการ มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ ตรวจหาสารเสพติดให้กับพนักงานขับรถ เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถ และประจำสถานี ก่อนปฏิบัติหน้าที่ เพิ่มความเข้มงวดในการห้ามจำหน่ายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติด ทั้งนี้ไม่พบปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลดังกล่าว
นอกจากนี้ ได้รับความร่วมมือจากกับกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นต่างๆ ร่วมกันปฏิบัติงานเฝ้าระวัง ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุระหว่างจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟกับรถยนต์ให้กับประชาชนที่เดินทางสัญจรไปมา โดยสรุปภาพรวมการให้บริการทั้งหมดในปีนี้ถือว่าบรรลุตามเป้าหมายและเป็นที่น่าพอใจ