“ไทยออยล์” ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนบีโอไอโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ที่ช่วยอัปเกรดน้ำมันเตาเป็นดีเซล และน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น และส่งผลให้โรงกลั่นขยายกำลังผลิตเป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน อ้างเข้าข่ายโครงการปิโตรเคมี ระยะ 4
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการกลั่นและปิโตรเคมี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ซึ่งเป็นโครงการที่อัพเกรดน้ำมันเตาให้เป็นน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น และส่งผลให้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นจาก 2.75 แสนบาร์เรล/วันเป็น 4 แสนบาร์เรล/วันว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาและดำเนินการเพื่อขอส่งเสริมการลงทุนพิเศษสำหรับการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งปกติโครงการโรงกลั่นน้ำมันจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ แต่เนื่องจากโครงการนี้เข้าข่ายโครงการปิโตรเคมี ระยะที่4
ขณะนี้โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการประกวดราคาเพื่อคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง(EPC Bidding) โดยมีกลุ่มบริษัทในรูปแบบคอนซอร์เตียม (Consortium) ทั้งยุโรปและเอเชีย 2 กลุ่มยื่นประมูลเสนอทั้งด้านเทคนิค คอมเมอร์เชียล และด้านราคา หากผ่านเกณฑ์ของบริษัทฯคาดว่าจะเปิดซองราคา และคัดเลือกผู้รับเหมาได้กลางปีนี้
สำหรับสถานการณ์อุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันโลกพบว่ายังเติบโตต่อเนื่อง โดยกำลังการผลิตใหม่ยังไม่มีเข้ามา ขณะที่เศรษฐกิจโลกได้เติบโตทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมตลาดสารอะโรเมติกส์คาดว่าอ่อนตัวลงไม่มากนักจากปีก่อน เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่ทั้งซาอุดิอาระเบียและเวียดนามเข้ามาเพิ่มในตลาด
นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังยืนยันด้วยว่าไม่ได้รับผลกระทบหากกระทรวงพลังงานจะเปลี่ยนสูตรอ้างอิงราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น โดยตัดค่าพรีเมี่ยมต่าง ๆ ลง เพราะการขายน้ำมันของโรงกลั่นเป็นการเจรจาระหว่างคู่ค้าเป็นหลักอิงตลาดเสรี ส่วนสูตรราคาอ้างอิงเป็นสูตรที่รัฐกำหนดไว้เพื่อดูแลติดตามตลาดเพื่อติดตามเรื่องภาษี กองทุนน้ำมันและค่าการตลาดเป็นหลัก
ทั้งนี้ บริษัทไม่มีแผนในระยะอันใกล้นี้ที่จะแตกมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จาก 10 บาท/หุ้น เนื่องจากราคาหุ้นTOP ยังอยู่ระดับต่ำไม่เกิน 100 บาท/หุ้น
