xs
xsm
sm
md
lg

“ลอรีอัล”ส่ง2แบรนด์ใหม่ลงตลาดบิวตี้แสนล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นาตาลี เกอร์ชไตน์ เควโรดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย ) จำกัด
ผู้จัดการรายวัน 360 – “ลอรีอัล” ย้ำ ไทยคือตลาดบิวตี้ยุทธศาสตร์สำคัญในอาเซียน เหตุตลาดโตดีเฉลี่ย 7% รวมทั้ง 1.68 ล้านบาท ส่ง 2 แบรนด์ลุยตลาดไทย ชี้ช่องทางดิจิทัลแพลตฟอร์มโตต่อเนื่อง



นางนาตาลี เกอร์ชไตน์ เควโรดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย ) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดความงามหรือบิวตี้(BEAUTY) ในประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นอาเซียนหรือเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตมากถึง 7.8% โดยกลุ่มผลิตภัณธ์ดูแลผิวมีอัตราการครองส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด ในขณะที่กลุ่มเครื่องสำอางเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตมากที่สุดในตลาดรวม ซึ่งตลาดรวมเติบโตในเกณฑ์นี้มาอย่างน้อย 5 ปีได้แล้ว และไตรมาสแรกปี2561นี้ก็พบว่าตลาดรวมมีการเติบโตแบบมีนัยอีกด้วย

ทั้งนี้ จากตัวเลขของยูโรมอนิเตอร์ รายงานว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมความงามในไทยปี 2560 มีการเติบโตรวม 7.8% ด้วยมูลค่ารวมมากถึง 1.68 ล้านบาท โดยแยกเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ได้ดังนี้ 1. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือสกินแคร์ มีสัดส่วน 47%, ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม มีสัดส่วน 18%, ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีสัดส่วน 14%, ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอดร่างกาย มีสัดส่วน 16% และ กลุ่มน้ำหอม มีสัดส่วน 5%

สำหรับสกินแคร์ มีมูลค่ารวม 7.87 หมื่นล้านบาท และเติบโต 8.7% เมื่อปี 2560 แบ่งเป็น ดูแลผิวหน้า สัดส่วน 84% และดูแลผิวกาย สัดส่วน 16% ส่วนกลุ่มเครื่องสำอาง ในปี 2560 มูลค่ารวม 2.27 หมื่นล้านบาท เติบโต 7.6% แบ่งเป็น ผิวหน้า สัดส่วน 56%, ริมฝีปาก สัดส่วน 26%, แต่งตา สัดส่วน 17% และเล็บ สัดส่วน 1%

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม ปี 2560 เติบโต 6.7% มูลค่ารวม 3.08 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ดูแลเส้นผม สัดส่วน 83%, เปลี่ยนสีผม สัดส่วน 11%, จัดแต่งทรงผม สัดส่วน 4% และ ยืดดัดผม สัดส่วน 1% ขณะที่กลุ่มน้ำหอม มีการเติบโต 7.6% มูลค่ารวม 8.5 พันล้านบาท ในปี 2560
นาตาลี เกอร์ชไตน์ เควโรดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย ) จำกัด
นางนาตาลี กล่าวต่อว่า ประเทศไทยจึงถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของลอรีอั ลแห่งหนึ่ง และ ลอรีอัล ประเทศไทย ยังเป็นสาขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนด้วย ในปี 2561 นี้ ลอรีอัล ประเทศไทยจะมุ่งเน้นเสริมสร้างความเป็นเลิศใน 4 ด้าน ได้แก่ 1) การมุ่งเน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง 2) การขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ 3) การพัฒนาและดูแลบุคลากร และ 4) การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและกิจกรรมเพื่อสังคม

ในปีนี้ บริษัทฯได้เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ลงสู่ตลาดเมืองไทย คือ แบรนด์
จิออร์จิโอ อาร์มานี บิวตี้ (Giorgio Armani Beauty) แบรนด์เครื่องสำอางสุดหรู ที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและเครื่องสำอาง ที่จะเปิดวเป้นทาการวนที่ 4 พฤกษาคมนี้ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว จากเดิมแบรนด์นี้ทำตลาดเฉพาะน้ำหอมในไทย เพื่อเป็นการขยายฐานกลุ่มลูกค้า

อีกหนึ่งแบรนด์คือ เซราวี (CeraVe) เป็นเวชสำอาง คาดว่าจะเปิดตัวเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ให้บริการกลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุดในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเซราวีจะจับกลุ่มแมส เพื่อเติมเต็มตลาดจากเดิมมี 2 แบรนด์ในกลุ่มนี้คือ ลาโรซโปเช และวิชชี่ ที่จับกลุ่มระดับบน ซึ่งทำให้มี 22 แบรนด์ที่ทำตลาดเมืองไทยในเวลานี้

นางนาตาลีกล่าวด้วยว่า นอกจากการทำตลาดในช่องทางจำหน่ายเดิมที่เป็นแบบออฟไลน์หรือรีเทลทั่วไปแล้ว ล่าสุด นิกซ์ โปรเฟสชั่นแนล เมคอัพ ได้เปิดตัว "นิกซ์ โปรเฟสชั่นแนล เมคอัพ แฟลกชิปสโตร์" (NYX Professional Makeup Flagship Store) แห่งแรกในเอเชีย ที่ สยามสแควร์วัน ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม จากกระแสของการเปิดมัลติแบรนด์ที่มีการเปิดมากในขณะนี้ ลอรีอัลก็มองเป็นโอกาสเช่นกัน ไม่ได้ปิดกั้นโอกาส ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าพันธมิตรที่เป็นรีเทลของเราเองจะมีความเชี่ยวชาญชาญด้านมากกว่า และที่อยู่อาศัย

การทำตลาดในช่องทางดิจิทัลก็ยังเข้ามาช่วยเพิ่มคุณค่าและสร้างความเชื่อมั่นอันแข็งแกร่งให้แก่ผู้บริโภคของเรา ซึ่งปี 2560 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ดิจิทัลเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีหลากหลายช่องทางที่ให้บริการผู้บริโภคได้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น การขับเคลื่อนสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักสำหรับลอรีอัล ประเทศไทย ในการขับเคลื่อนการเติบโตในตลาดที่เชื่อมโยงด้วยดิจิทัล

โดยในปี 2560 ลอรีอัล ได้ใช้ช่องทางในการสื่อสารที่หลากหลายและเข้าถึงตลาดอีคอมเมิร์ซค้าปลีกใหม่ๆ อีกหลายราย เช่น คอนวี่ (Konvy) และ โอรามิ (Orami) รวมไปถึงช่องทางสังคมออนไลน์ คือ ไลน์แอด (Line@) และ เครซ (Craze) รวมถึงการให้บริการหน้าร้านค้าออนไลน์ของแบรนด์เอง คือ ลังโคม (Lancôme) วายเอสแอล โบเต้ (YSL Beauty) และ ไบโอเธิร์ม (Biotherm) ส่งผลให้ช่องทางออนไลน์ของลอรีอัลไทยเติบโตอย่างมากถึง 97% เนื่องจากฐานตลาดยังต่ำอยู่ ขณะที่ช่องทางออนไลน์ของลอรีอัลทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านยูโร คิดเป็น 8% จากยอดขายรวมทั้งหมด
"อีคอมเมิร์ซนับเป็นช่องทางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และลอรีอัล ประเทศไทย ก็มีความมุ่งมั่นที่จะใช้ช่องทางนี้อย่างเต็มที่ เราได้ขยายธุรกิจในช่องทางอีคอมเมิร์ซที่หลากหลาย เพื่อให้มั่นใจว่าเราก้าวนำเทรนด์การตลาดอยู่เสมอและอยู่ในทุกองค์ประกอบของการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภค ไม่ว่าจะด้วยการเพิ่มความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำความงามในช่องทางดิจิทัล มุ่งสร้างและออกแบบการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ารายบุคคล รวมถึงการทำให้แบรนด์ต่างๆ ของลอรีอัล ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครัก" นางนาตาลี เกอร์ชไตน์ เคอโรวดี กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น