บิวตี้ คอมมูนิตี้ รุกเต็มสูบ เตรียมแผนปั๊มยอดขายทั้งใน-ต่างประเทศ เจาะกลุ่มลูกค้าจีน ยกทัพสินค้าเข้าจำหน่าย Official Online ผ่าน Cross Border ส่วนตลาดในประเทศเร่งผลักดันสินค้าใหม่ตรงใจผู้บริโภควางจำหน่ายใน 7-11 พร้อมเดินหน้าขยายสาขาทุก Shopbrand พร้อมปรับกลยุทธ์ช่องทางการจำหน่ายอีคอมเมิร์ซ มั่นใจยอดขายโต ก้าวกระโดด ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 4,290 ล้านบาท โชว์ผลงานปี 60 ทุบสถิติสูงสุด กวาดรายได้ 3,735.37 ล้านบาท โต 45.98% กำไรสุทธิ 1,229.32 ล้านบาท โต 87.39% พร้อมจ่ายปันผลงาม 0.408 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 99.70% ของกำไรสุทธิ
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยว่า ในปีนี้ BEAUTY จะมุ่งเน้นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ ๆ ทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ โดยตลาดต่างประเทศมีแผนเจาะกลุ่มลูกค้าในประเทศจีนมากขึ้น นำสินค้าเข้าจำหน่ายใน Official Online ผ่าน Cross Border อาทิ เวบไซต์ TMALL.HK, เว็บไซต์ KAOLA.COM คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในครึ่งปีแรก
อีกทั้งมีแผนขยายสาขาที่เป็น Independent shop ในต่างประเทศจำนวน 9 สาขา จากปัจจุบัน 16 สาขา กระจายอยู่ในประเทศ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ขยายจุดจำหน่ายที่เป็น Counter Sales จำนวน 7 จุดจำหน่ายจากเดิมที่มี 10 จุดจำหน่ายกระจายอยู่ในประเทศลาว และประเทศพม่า และขยายจุดจำหน่าย Shop in Shop จำนวน 6 สาขาจากปัจจุบัน 131 จุดจำหน่ายกระจายอยู่ในกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชีย ประกอบด้วย ฮ่องกง ไต้หวัน และอินโดนีเซีย
สำหรับตลาดในประเทศช่องทางจำหน่าย Consumer Product ในปีที่ผ่านมา มีกระแสตอบรับดีจากผู้บริโภค และกลุ่มนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ยอดขายมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 151% จากปีก่อน และมีแผนเร่งพัฒนาสินค้าเข้าจำหน่ายใน 7-11 ทั่วประเทศ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในต้นไตรมาส 3 นี้ และปัจจุบันมีสินค้าวางจำหน่ายผ่านร้าน KING POWER จำนวน 8 สาขา 22 จุดจำหน่าย ร้าน Boost 145 สาขา เชื่อว่าจะส่งผลให้มียอดขายเพิ่มมากขึ้น จากการหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่ายของผู้บริโภค ปัจจุบัน BEAUTY มีสาขาทุกแบรนด์ในประเทศรวม 349 สาขา โดยในปีนี้มีแผนเพิ่มสาขา BEAUTY BUFFET จำนวน 22 สาขา BEAUTY COTTAGE จำนวน 12 สาขา รวม 34 สาขา
ส่วนแนวโน้มการเติบโตปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 4,290 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20% ขณะที่งบลงทุนอยู่ที่ 120 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนเปิดสาขาใหม่ จำนวน 80 ล้านบาท และนำไปใช้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และ Business Intelligence (BI) จำนวน 40 ล้านบาท เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการขายและลูกค้าทุกช่องทาง ให้ผู้บริหารสามารถใช้ข้อมูลในเชิงลึกในการมอนิเตอร์ และจัดกลยุทธ์การทำการตลาด การขาย และ CRM ให้เกิดความได้เปรียบสูงสุดในการดำเนินธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างยอดขาย รองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต
สำหรับผลประกอบการปี 2560 BEAUTY ทำสถิติผลประกอบการเติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปี ตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,735.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,558.84 ล้านบาท จำนวน 1,176.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45.98% และมีกำไรสุทธิ 1,229.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 656 ล้านบาท จำนวน 573.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 87.39%
นพ. สุวิน กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.70% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% หรือคิดเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.258 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 775.25 ล้านบาท จากที่ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.15 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 95.26% ของกำไรสุทธิ โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสด คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 450.41 ล้านบาท ส่งผลทำให้ในปี 2560 บริษัทจ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 0.408 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 1,225.66 ล้านบาท หรือ 99.70% ของกำไรสุทธิ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 4 พฤษภาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 (เข้าขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 25 เมษายน 2561)