ส.อ.ท.เผยสมาชิกทั้ง ส.อ.ท.และสภาหอฯ กำลังรวบรวมและวิเคราะห์ผลกระทบสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลังส่อแววติดร่างแหหนัก คาดเห็นผลกระทบชัดเจนไตรมาส 3 เบื้องต้นนอกเหนือสินค้าจะทะลักเข้าอาเซียนกระทบส่งออกไทยแล้วส่งออกตรงไปยังจีนสินค้าประเภทวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบโดนแน่
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ว่า ขณะนี้ ส.อ.ท. และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้มอบหมายให้สมาชิกไปรวบรวมและวิเคราะห์ผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจของไทย จากนั้นอาจจะนำเข้าหารือในเวทีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กกร.) ต่อไป อย่างไรก็ตาม ผลกระทบคาดว่าจะเห็นชัดเจนในไตรมาส 3 ปีนี้
“สหรัฐฯ และจีนต่างมีมาตรการต่าง ๆออกมาตอบโต้กัน โดยสหรัฐฯ ได้ขึ้นภาษีเหล็ก ขึ้นภาษีนำเข้ากลุ่มเทคโนโลยีจากจีน 1,300 รายการ ขณะที่จีนก็ตอบโต้ด้วยการแบนนำเข้าขยะจากต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ส่งไปจีนมากสุด สิ่งที่เราต้องติดตามคือไทยในฐานะคู่ค้ากับจีนที่ส่งออกคิดเป็น 11.6% ของการส่งออกรวม ส่งออกไปยังสหรัฐฯ คิดเป็น 10.4% และการส่งออก 1 ใน 4 อยู่ในตลาดอาเซียน ดังนั้นหากจีนส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ ได้ลดลงสินค้าจำนวนมากอาจทะลักเข้ามายังตลาดอาเซียนก็จะกระทบไทยได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม” นายเกรียงไกรกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบโดยตรงที่ไทยเคยส่งออกไปยังจีนในกลุ่มสินค้าวัตถุดิบและกึ่งวัตถุดิบอาจมีแนวโน้มปรับตัวลดลงได้ เนื่องจากสินค้าจีนที่จะเข้าไปยังสหรัฐฯ ถูกกีดกันซึ่งอาจทำให้การส่งออกลดต่ำลง นอกเหนือจากจีนจะระบายสินค้ามายังตลาดอาเซียนทดแทนมากขึ้นแล้ว ดังนั้นภาคเอกชนคงจะต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะในช่วงแรกคงจะยังไม่สามารถเห็นภาพผลกระทบได้ชัดเจนนัก
“สิ่งที่เราต้องติดตามคือนอกเหนือจากสหรัฐฯ และจีนจะตอบโต้กันไปมาที่เป็นสงครามการค้าจะลามไปมากน้อยเพียงใด และจะมีใครมาร่วมวงเพิ่มอีกหรือไม่เปรียบเสมือนช้างสารชนกัน ไทยเองเป็นหญ้าแพรกก็พร้อมจะได้รับผลกระทบไปด้วยแต่จะมากน้อยแค่ไหนก็อยู่ที่ช้างเป็นหลัก” นายเกรียงไกรกล่าว