“สมคิด” เร่งขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิตอล แนะกระทรวงวิทย์ฯ ใช้โอกาสฤดูโยกย้าย เม.ย.ดึงคนรุ่นใหม่ไฟแรงบริหารเพิ่มขึ้น กาง 2 แนวทางขับเคลื่อน 1. มุ่งพัฒนาและวิจัยนวัตกรรมเป็นของไทยเอง 2. รัฐและเอกชนต้องปรับตัวใช้เทคโนโลยีพัฒนาธุรกิจ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน CEO Innovation Forum 2018 “Transforming Thailand Towards Science & Technology Frontier” จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) โดยแสดงปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลิกโฉมประเทศไทยสู่ก้าวใหม่ของการพัฒนา” ว่า ไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมเพื่อจะสามารถแข่งขันกับเวทีโลกได้และนำไปสู่เป้าหมายนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่จะเปลี่ยนผ่านประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิตอล ดังนั้นกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ต้องปฏิรูปโครงสร้างการทำงานขนาดใหญ่รองรับไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งในเดือนเมษายนเป็นช่วงฤดูกาลโยกย้าย จึงเป็นโอกาสให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงช่วยการผลักดันเศรษฐกิจดิจิตอล
สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนจะต้องเน้นปัจจัยหลัก คือ 1. การเปลี่ยนจากผู้ตามเทคโนโลยีของประเทศพัฒนาแล้วหันมาศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเพราะคนรุ่นใหม่ของไทยมีศักยภาพอย่างมาก เช่น การนำศักยภาพด้านเกษตรมาเปลี่ยนผ่านไปสู่ไบโอชีวภาพ 2. การนำเทคโนโลยี นวัตกรรมมาปรับใช้ ก้าวผ่านยุคพึ่งพาค่าแรงถูก หวังเงินบาทอ่อนค่า โดยทั้งรัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ ผลักดันให้ธุรกิจพึ่งพานวัตกรรม เทคโนโลยี เนื่องจากเศรษฐกิจยุคใหม่จะอาศัยเอกชนเป็นหลักในการก้าวข้ามไปสู่แพลตฟอร์มใหม่ในการแข่งขันค้าขาย เช่น การพัฒนาคนให้มีทักษะใหม่ตลอดเวลาด้วย Advanced robotics และ AI เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉม 10 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
“วันที่ 1 พ.ค.นี้ จีนเร่งนำเทคโนโลยีโซเชียลมาวัดให้คะแนนผลงานชาวจีนจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น กระทำความผิดซ้ำซาก ละเมิดกฎระเบียบบ่อยครั้ง จะถูกแบล็กลิสต์ในการอนุญาต หรือให้การช่วยเหลือจากภาครัฐ ขณะที่คนทำดี ไม่ทำผิดกฎระเบียบ ผ่อนชำระเงินกู้ต่อเนื่อง ก็จะได้รับการคัดเลือกอันดับแรก เพื่อให้คะแนนบวกหรือลบแก่ชาวจีน ซึ่งไทยเองก็จะต้องเร่งปรับตัวให้ทัน ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงเมติของญี่ปุ่นเตรียมเดินทางมายังไทยเพื่อใช้ไทยเป็นฐานตั้งศูนย์การผลิตผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เพราะไทยเหมาะเป็นศูนย์กลางในการลงทุนภูมิภาคนี้ก็จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนด้วย” นายสมคิดกล่าว
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอนาคต กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้เตรียมเร่งการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยเพื่อไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 อย่างเป็นรูปธรรมผ่าน 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ 1) Bio-Digital Platform ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่มีฐานจากรหัสพันธุกรรมและชีวโมเลกุล และดิจิตอลเดตา ซึ่งกระทรวงวิทย์ฯ เตรียมโครงการสำคัญรองรับหลายโครงการ เช่น Bio Bank, Gene Bank, Plant Factory และ Bioinformatics เป็นต้น
2) Cyber-Physical Platform เพื่อเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่จะมีทั้งระบบการผลิตที่สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ทางกายภาพ รวมถึงแพลตฟอร์มการทำงาน การซื้อขาย ตลอดจนการให้บริการที่อยู่ในโลกไซเบอร์ควบคู่กันไป โดยมีเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น High Performance Computing, Smart Business, Internet of Value and Blockchain และ Data Analytics เป็นต้น 3) Earth-Space Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่จะครอบคลุมทั้งด้าน Food for the Future, Biomedical, Renewable Energy, Climate Technology, Geo Engineering, การจัดการน้ำและทรัพยากร และภัยพิบัติต่างๆ ตลอดจนการจัดการที่เกี่ยวกับดาวเทียมและอวกาศ และอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ เป็นต้น