ผู้จัดการรายวัน 360 - “สุทธิชัย หยุ่น” จวก กสทช.ดีแต่คุมไม่คิดเสริม ทำอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลพัง คาดอาจเสียหายเกินเยียวยา คนทำงานข่าวอยู่ยากในยุคนายทุนคลุมสื่อ อสมท ชี้ลดค่ามัคส์ดีต่อผู้ประกอบการ แต่ใครจะมาจ่ายชดเชยให้ผู้ให้บริการโครงข่าย มองทีวีดิจิตอลยังมีปัญหา “ช่อง 9” พร้อมปรับผังรับศึก ดึง สุทธิชัย หยุ่น กลับบ้าน ส่งรายการ “กาแฟดำ ค่ำนี้” ทวงบัลลังก์ข่าวดึก
นายสุทธิชัย หยุ่น ผู้ก่อตั้งบริษัท กาแฟดำ จำกัด ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อทีวี เปิดเผยว่า กรณีศาลปกครองกลางพิพากษาว่า กสทช.กระทำผิดสัญญาที่ได้ประกาศชี้ชวนไว้กับบริษัท ไทยทีวี จำกัด จริง บริษัท ไทยทีวี จำกัด จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญา เป็นการแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง โดยมองว่าหน่วยงาน กสทช. บทบาทจริงมุ่งแต่จะควบคุมแต่ไม่ส่งเสริม และ กสทช.ไม่เข้าใจเรื่องนี้จึงทำให้เกิดวิกฤตแก่กลุ่มผู้ประกอบการทีวิดิจิตอล ทั้งนี้ แม้อาจจะมีการเยียวยาเกิดขึ้น ถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินไป เนื่องจาก 3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลทรุดลงอย่างมาก และไม่รู้จะกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อไหร่ ขณะเดียวกัน เวลานี้ส่วนใหญ่โครงสร้างทีวีเป็นของนายทุนซึ่งอาจจะมุ่งเรื่องของกำไรและรายได้เป็นหลัก ในแง่ของคอนเทนต์ดีๆ เป็นประโยชน์ต่อผู้ชมอาจจะน้อยลง ในมุมมองของคนข่าวรู้สึกเป็นห่วงและอึดอัดเพราะไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า ผลจากกรณีศาลปกครองกลางพิพากษาให้ กสทช.คืนเงินแบงก์การันตีกว่า 1,500 ล้านบาท เหตุไม่ปฏิบัติตามสัญญาชี้ชวนทีวีดิจิตอล แต่เบื้องต้นคดีความดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ระหว่างนี้อาจจะมีระเบียบอะไรออกมา มองว่าน่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมทีวี รวมถึงคำตัดสินของศาล หรือการยื่นอุทธรณ์
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอุตสาหกรรมทีวีมีการแข่งขันสูงและมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา จึงมองว่า 1. กสทช.ต้องทบทวนว่าการที่เน้นเรื่องของการควบคุมสื่อแต่เพียงอย่างเดียวเพียงพอหรือไม่ หรือควรที่จะส่งเสริมให้สู้กับสื่ออื่นได้ 2. ควรมีแผนรับมือทำให้ทั้งสองสื่อแข็งแรงไปด้วยกัน ในสถานการณ์ที่คนดูอยู่บ้านน้อยลง สามารถรับชมคอนเท้นท์ได้หลายช่องทาง 3. ในแง่ของทีวีดิจิตอล หากรายใดต้องยุติการออกอากาศลงเป็นเรื่องเหตุผลทางธุรกิจ ต้องนำหลายปัจจัยมารวมกัน แต่ในภาพรวมจะทำให้อุตสาหกรรมทีวีขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ตัดสินใจเร็วขึ้น รัฐบาลเองไปได้เร็วขึ้น กสทช.เห็นผลงานการทำงานของตัวเองได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม กรณีการขอให้ลดค่ามัคส์นั้น มองเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ประกอบการ แต่ในมุมของผู้ให้บริการโครงข่าย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือเข้ามาจ่ายให้แทน
ศึกร้อนข่าวดึก “หยุ่น” ผุด “กาแฟดำ ค่ำนี้” ลงช่อง 9
นายเขมทัตต์กล่าวต่อว่า แม้สถานการณ์ทีวีดิจิตอลจะมีปัญหาอยู่ในเวลานี้ แต่ทางข่อง 9 โมเดิร์นไนน์ พร้อมปรับผังรายการใหม่รับมือการแข่งขันในปีนี้ โดยจะเริ่มทยอยปรับผังประจำปี 2561ตั้งแต่ 15 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป เริ่มจาก 1. รายการข่าวเช้าใหม่ “เช้าชวนคุย” และ 2. รายการกาแฟดำ ในเดือนเมษายน โดยสุทธิชัย หยุ่น ที่จะมาเจาะลึกทุกเรื่องราว ทั้งนวัตกรรม, วาทกรรมของผู้นำโลก แนวคิดและทิศทางเทคโนโลยี นโยบายผู้นำประเทศ การเงิน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เริ่ม 2 เม.ย.นี้ เวลา 22.30-23.00 น.
3. รายการวาไรตี้ “หม้ายตัวแม่” โดย 3 คนดัง พิงค์กี้, ตุ๊ก ญาณี, ท็อป ดารณีนุช 4. เกมโชว์ “อาบได้ร้องโดน” แข่งขันร้องเพลงในห้องน้ำ 5. รายการ “แปลกแต่จริง”, บ้าพลัง 6. วาไรตี้ท่องเที่ยวสำหรับคนรุ่นใหม่ “บานาน่าซ่าปรี๊ด” และ 7. ละครซิตคอม และละครชีวิต “คนนี้ที่รอคอย” จากรายการวันนี้ที่รอคอยที่โด่งดังขวัญใจผู้สูงอายุและครอบครัว
สำหรับรายการข่าว สารคดี และซีรีส์จีน จะมีการพัฒนาให้เข้มข้นขึ้น โดยจะมีซีรีส์จีนชุดใหม่มาให้ชม อาทิ “นางพญางูขาว” พร้อมเชื่อมต่อกับผู้ชมมากขึ้น ด้วย Social Media โดยเฉพาะรายการ “ข่าวดังข้ามเวลา” และ “ชัวร์ก่อนแชร์” โฉมใหม่ ซึ่งปัจจุบันข่าวดังข้ามเวลายังได้ออกอากาศใน Netflix อีกด้วย
“ผังรายการใหม่นี้จะช่วยให้ MCOT HD มีผู้ชมกลุ่มอื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยจะเน้นกลุ่มอายุต่ำกว่า 40 ปีลงมา และกลุ่มในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ จากปัจจุบันกลุ่มผู้ชมของ อสมท ยังมีฐานอยู่มาก โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีกำลังซื้อสูง และมีรายได้ ซึ่งจะเห็นจากการที่ลูกค้าบางรายมาประสบความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์สินค้าในช่อง MCOT HD เป็นจำนวนมาก พร้อมทำให้ช่อง 9 อยู่ในกลุ่มท็อป 10 หรือมีอันดับข่องที่ดีขึ้น”
ด้านนายสุทธิชัย หยุ่น หวนซบ “ช่อง 9” บ้านหลังแรกสู่หน้าจอทีวี กับรายการ “กาแฟดำ ค่ำนี้” เป็นรายการเกี่ยวกับการวิเคราะห์สถานการณ์โลกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ภายใต้การเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท กาแฟดำ จำกัด โดยครั้งแรกที่ทำงานกับทางช่อง 9 นั้น เกิดขึ้นในปี 2534 กับรายการ นับถอยหลังสงครามอ่าวเปอร์เซีย
นายสุทธิชัย หยุ่น ผู้ก่อตั้งบริษัท กาแฟดำ จำกัด ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อทีวี เปิดเผยว่า กรณีศาลปกครองกลางพิพากษาว่า กสทช.กระทำผิดสัญญาที่ได้ประกาศชี้ชวนไว้กับบริษัท ไทยทีวี จำกัด จริง บริษัท ไทยทีวี จำกัด จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญา เป็นการแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง โดยมองว่าหน่วยงาน กสทช. บทบาทจริงมุ่งแต่จะควบคุมแต่ไม่ส่งเสริม และ กสทช.ไม่เข้าใจเรื่องนี้จึงทำให้เกิดวิกฤตแก่กลุ่มผู้ประกอบการทีวิดิจิตอล ทั้งนี้ แม้อาจจะมีการเยียวยาเกิดขึ้น ถึงเวลานั้นอาจจะสายเกินไป เนื่องจาก 3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลทรุดลงอย่างมาก และไม่รู้จะกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อไหร่ ขณะเดียวกัน เวลานี้ส่วนใหญ่โครงสร้างทีวีเป็นของนายทุนซึ่งอาจจะมุ่งเรื่องของกำไรและรายได้เป็นหลัก ในแง่ของคอนเทนต์ดีๆ เป็นประโยชน์ต่อผู้ชมอาจจะน้อยลง ในมุมมองของคนข่าวรู้สึกเป็นห่วงและอึดอัดเพราะไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า ผลจากกรณีศาลปกครองกลางพิพากษาให้ กสทช.คืนเงินแบงก์การันตีกว่า 1,500 ล้านบาท เหตุไม่ปฏิบัติตามสัญญาชี้ชวนทีวีดิจิตอล แต่เบื้องต้นคดีความดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด ระหว่างนี้อาจจะมีระเบียบอะไรออกมา มองว่าน่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมทีวี รวมถึงคำตัดสินของศาล หรือการยื่นอุทธรณ์
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอุตสาหกรรมทีวีมีการแข่งขันสูงและมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา จึงมองว่า 1. กสทช.ต้องทบทวนว่าการที่เน้นเรื่องของการควบคุมสื่อแต่เพียงอย่างเดียวเพียงพอหรือไม่ หรือควรที่จะส่งเสริมให้สู้กับสื่ออื่นได้ 2. ควรมีแผนรับมือทำให้ทั้งสองสื่อแข็งแรงไปด้วยกัน ในสถานการณ์ที่คนดูอยู่บ้านน้อยลง สามารถรับชมคอนเท้นท์ได้หลายช่องทาง 3. ในแง่ของทีวีดิจิตอล หากรายใดต้องยุติการออกอากาศลงเป็นเรื่องเหตุผลทางธุรกิจ ต้องนำหลายปัจจัยมารวมกัน แต่ในภาพรวมจะทำให้อุตสาหกรรมทีวีขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ตัดสินใจเร็วขึ้น รัฐบาลเองไปได้เร็วขึ้น กสทช.เห็นผลงานการทำงานของตัวเองได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม กรณีการขอให้ลดค่ามัคส์นั้น มองเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ประกอบการ แต่ในมุมของผู้ให้บริการโครงข่าย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือเข้ามาจ่ายให้แทน
ศึกร้อนข่าวดึก “หยุ่น” ผุด “กาแฟดำ ค่ำนี้” ลงช่อง 9
นายเขมทัตต์กล่าวต่อว่า แม้สถานการณ์ทีวีดิจิตอลจะมีปัญหาอยู่ในเวลานี้ แต่ทางข่อง 9 โมเดิร์นไนน์ พร้อมปรับผังรายการใหม่รับมือการแข่งขันในปีนี้ โดยจะเริ่มทยอยปรับผังประจำปี 2561ตั้งแต่ 15 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป เริ่มจาก 1. รายการข่าวเช้าใหม่ “เช้าชวนคุย” และ 2. รายการกาแฟดำ ในเดือนเมษายน โดยสุทธิชัย หยุ่น ที่จะมาเจาะลึกทุกเรื่องราว ทั้งนวัตกรรม, วาทกรรมของผู้นำโลก แนวคิดและทิศทางเทคโนโลยี นโยบายผู้นำประเทศ การเงิน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เริ่ม 2 เม.ย.นี้ เวลา 22.30-23.00 น.
3. รายการวาไรตี้ “หม้ายตัวแม่” โดย 3 คนดัง พิงค์กี้, ตุ๊ก ญาณี, ท็อป ดารณีนุช 4. เกมโชว์ “อาบได้ร้องโดน” แข่งขันร้องเพลงในห้องน้ำ 5. รายการ “แปลกแต่จริง”, บ้าพลัง 6. วาไรตี้ท่องเที่ยวสำหรับคนรุ่นใหม่ “บานาน่าซ่าปรี๊ด” และ 7. ละครซิตคอม และละครชีวิต “คนนี้ที่รอคอย” จากรายการวันนี้ที่รอคอยที่โด่งดังขวัญใจผู้สูงอายุและครอบครัว
สำหรับรายการข่าว สารคดี และซีรีส์จีน จะมีการพัฒนาให้เข้มข้นขึ้น โดยจะมีซีรีส์จีนชุดใหม่มาให้ชม อาทิ “นางพญางูขาว” พร้อมเชื่อมต่อกับผู้ชมมากขึ้น ด้วย Social Media โดยเฉพาะรายการ “ข่าวดังข้ามเวลา” และ “ชัวร์ก่อนแชร์” โฉมใหม่ ซึ่งปัจจุบันข่าวดังข้ามเวลายังได้ออกอากาศใน Netflix อีกด้วย
“ผังรายการใหม่นี้จะช่วยให้ MCOT HD มีผู้ชมกลุ่มอื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยจะเน้นกลุ่มอายุต่ำกว่า 40 ปีลงมา และกลุ่มในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ จากปัจจุบันกลุ่มผู้ชมของ อสมท ยังมีฐานอยู่มาก โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีกำลังซื้อสูง และมีรายได้ ซึ่งจะเห็นจากการที่ลูกค้าบางรายมาประสบความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์สินค้าในช่อง MCOT HD เป็นจำนวนมาก พร้อมทำให้ช่อง 9 อยู่ในกลุ่มท็อป 10 หรือมีอันดับข่องที่ดีขึ้น”
ด้านนายสุทธิชัย หยุ่น หวนซบ “ช่อง 9” บ้านหลังแรกสู่หน้าจอทีวี กับรายการ “กาแฟดำ ค่ำนี้” เป็นรายการเกี่ยวกับการวิเคราะห์สถานการณ์โลกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ภายใต้การเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท กาแฟดำ จำกัด โดยครั้งแรกที่ทำงานกับทางช่อง 9 นั้น เกิดขึ้นในปี 2534 กับรายการ นับถอยหลังสงครามอ่าวเปอร์เซีย