“ทรัมป์” ลงนามขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศ รวมทั้งไทย คาดมีผล 23 มี.ค.นี้ เผยระยะสั้นไทยยังคงแข่งขันได้ เหตุเหล็กในสหรัฐฯ ราคาขึ้นไป 30% แล้ว แม้ไทยถูกเก็บภาษี ต้นทุนยังสู้ได้ แต่ระยะยาวมีผลกระทบแน่ หลังผู้ผลิตสหรัฐฯ เร่งเพิ่มกำลังการผลิต แถมเจอเหล็กเม็กซิโก-แคนาดาที่ได้รับการยกเว้นภาษีมาแข่งอีก “พาณิชย์” เรียกเอกชนถกทำแผนรับมือ พร้อมยื่นสหรัฐฯ ขอยกเว้นการขึ้นภาษีเป็นรายพิกัด
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าภายใต้มาตรา 232 (National Security) กับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมทุกรายการที่นำเข้าจากทั่วโลก รวมถึงไทย ในอัตรา 25% และ 10% ตามลำดับ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 2561 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าวกระทรวงพาณิชย์ได้เชิญสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทย ที่เกี่ยวข้อง มาหารือผลกระทบและแนวทางการแก้ไขปัญหาจากการใช้มาตรการดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2561 โดยพบว่าผลิตภัณฑ์เหล็กของไทยที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ ท่อเหล็ก และเหล็กแผ่นรีดเย็น
สำหรับผลกระทบในระยะสั้น หรือในช่วง 1-3 เดือน หลังจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้า การส่งออกเหล็กของไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะราคาเหล็กในสหรัฐฯ ปรับขึ้นประมาณ 30% ไปแล้ว ซึ่งแม้ว่าเหล็กของไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่กำหนด แต่ยังคงสามารถแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐฯ ได้ ประกอบกับผู้ผลิตในสหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างการปรับตัว และไม่สามารถขายสินค้าในราคาต่ำในระยะเวลาอันรวดเร็ว ผู้นำเข้าสหรัฐฯ จึงยังคงต้องนำเข้าสินค้าอยู่
ส่วนในระยะยาว คาดว่าอุตสาหกรรมเหล็กไทยจะได้รับผลกระทบ เพราะผู้ผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวได้แล้ว และเพิ่มกำลังการผลิตจนสินค้ามีราคาแข็งขันได้ รวมทั้งผู้ผลิตเหล็กในแคนาดา และเม็กซิโก ที่ได้รับการยกเว้นจากการใช้มาตรการ 232 จะได้เปรียบผู้ส่งออกประเทศอื่น รวมทั้งไทย และยังคงรักษาขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ได้
“ไทยจะเจรจากับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อขอยกเว้นการใช้มาตรการ 232 เป็นรายพิกัดสินค้า ก่อนที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะประกาศรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินการขอยกเว้นเป็นรายพิกัด ภายในวันที่ 19 มี.ค.นี้ ซึ่งกระทรวงฯ จะร่วมกับภาคเอกชนไทยจัดเตรียมข้อมูล และหารือกับบริษัทคู่ค้าในสหรัฐฯ เพื่อยื่นขอยกเว้นมาตรการรายพิกัดสินค้าต่อไป” นายสนธิรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ จะเจรจากับสหรัฐฯ ในการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบการค้าและการลงทุน (TIFA) ไทย-สหรัฐฯ ที่จะประชุมเดือน เม.ย. 2561 ที่จะถึงนี้ เพื่อขอยกเว้นการใช้มาตรการ 232 กับไทย ซึ่งสหรัฐฯ เปิดช่องสำหรับประเทศที่มี Security Relationship ในการหารือเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว