xs
xsm
sm
md
lg

“ซันโทรี่–เป๊ปซี่โค” ลั่นกลองรบเครื่องดื่มครบวงจร ชิงแชร์ตลาดนอนแอลกอฮอล์แสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

โอเมอร์ มาลิค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายโอเมอร์ มาลิค กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่มซันโทรี่และเป๊ปซี่โค นำโดย นายซาบุโระ โคโกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด จำกัด และนายปริญญา กิจจาธนพันธ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอินโดจีน บริษัท เป๊ปซี่โค เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด รวมพลังเปิดตัว บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เตรียมบุกตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท โดยมุ่งสื่อสารภาพลักษณ์องค์กรภายใต้แนวคิด “GROWING FOR GOOD” เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ พร้อมตั้งเป้าชิงตำแหน่งเบอร์หนึ่งในตลาดน้ำอัดลมควบคู่การรุกขยายพอร์ตเครื่องดื่มแบบครบวงจร

นายโอเมอร์ มาลิค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังการประกาศร่วมทุนระหว่างเป๊ปซี่โคกับกลุ่มซันโทรี่เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในวันนี้เราได้ดำเนินขั้นตอนต่างๆ เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมเปิดตัว บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเครื่องดื่มไทยอีกครั้ง โดยการผสานพลังและศักยภาพของทั้งสองบริษัทชั้นนำระดับโลกในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการรุกขยายพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มที่ช่วยเติมเต็มความสดชื่น เครื่องดื่มเกลือแร่ ชา-กาแฟพร้อมดื่ม น้ำดื่มบรรจุขวด น้ำผลไม้ รวมไปถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย”
สินค้าในพอร์ตโฟลิโอของ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
ทั้งนี้ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT เกิดขึ้นจากการร่วมทุน (Joint Venture) ระหว่าง “ซันโทรี่” ผู้นำระดับโลกในธุรกิจเครื่องดื่มสัญชาติญี่ปุ่น กับ “เป๊ปซี่โค” บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา โดยมีทุนจดทะเบียนมูลค่า 19,680 ล้านบาท ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มให้กับเครือเป๊ปซี่โค เช่น เครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” “มิรินด้า” “เซเว่น-อัพ” ชาพร้อมดื่ม “ลิปตัน” เครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” และเครื่องดื่ม “อควาฟิน่า” รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มและสินค้าใหม่ๆ จากซันโทรี่ในอนาคต
สินค้าในพอร์ตโฟลิโอของ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
ในด้านการผลิต SPBT มีฐานการผลิตเครื่องดื่ม 2 แห่ง คือ โรงงานระยอง ซึ่งมีขนาด 96 ไร่ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง และโรงงานสระบุรี บนพื้นที่ 104 ไร่ภายในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี สำหรับในด้านการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า SPBT ยังคงผนึกพันธมิตรกับ “ดีเอชแอล” ผู้นำในด้านลอจิสติกส์และการบริหารคลังสินค้าระดับโลก ควบคู่ไปกับการใช้โมเดลธุรกิจแบบดิสทริบิวเตอร์เพื่อกระจายสินค้าไปยังท้องถิ่นผ่านตัวแทน 24 แห่งซึ่งสามารถเข้าถึงร้านค้าปลีก-ส่ง และร้านโชวห่วยกว่า 470,000 แห่งทั่วประเทศ
สินค้าในพอร์ตโฟลิโอของ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
“นับจากนี้ไป SPBT จะเดินหน้าดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบภายใต้วิสัยทัศน์ GROWING FOR GOOD เพื่อมุ่งสร้างความยั่งยืนและการเติบโตทางธุรกิจภายในประเทศไทยผ่าน 5 ภารกิจหลัก นั่นคือ 1) การลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ (Brand Building) 2) การพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและขยายตลาดให้กว้างขึ้น (Innovation and Portfolio Expansion) 3) การรุกขยายระบบการกระจายสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในทุกช่องทาง (Proactive Channel Expansion) 4) การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผู้บริโภค สังคมและสิ่งแวดล้อม (Social & Environmental Responsibility) และ 5) การพัฒนาองค์กรและศักยภาพของบุคลากร (Organizational & HR Development)”

“ปัจจุบันเครื่องดื่มเป๊ปซี่ถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดน้ำดำในบรรจุภัณฑ์แบบไม่ต้องคืนขวด (ทั้งขวดพีอีทีและกระป๋อง) ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า 45% และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี แต่เรายังไม่หยุดเพียงแค่นี้ ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์เครื่องดื่มที่เรามี ควบคู่กับศักยภาพความพร้อมของทีมงาน ตลอดจนการสนับสนุนจากบริษัทแม่ทั้งสองแห่ง เรามั่นใจว่า SPBT จะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดน้ำอัดลมมูลค่าห้าหมื่นล้านบาทได้ในไม่ช้า และสร้างการเติบโตในตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ได้อย่างยั่งยืน” นายโอเมอร์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น