“อมตะ” เตรียมจับมือกลุ่มนักลงทุนจีนผุดนิคมฯ จีนแห่งใหม่ในพื้นที่อีอีซี รองรับการลงทุนจากจีน หลัง พ.ร.บ.อีอีซีเตรียมคลอด เม.ย.นี้
นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายใน 3 เดือนนี้ อมตะเตรียมร่วมลงทุนกับกลุ่มเอกชนจีนเพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมจีนแห่งใหม่ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และจะยกเป็นเขตส่งเสริมพิเศษเพื่อที่จะรองรับนักลงทุนจีนที่คาดว่าจะเข้ามายังไทยมากขึ้น
“เรายังไม่ขอระบุรายละเอียดถึงนิคมฯ จีนใหม่นี้ เบื้องต้นสัดส่วนการถือหุ้นอมตะจำนวน 51% แต่นิคมฯ จีนเดิมที่ตั้งในระยองนั้นถือว่าประสบความสำเร็จ และเรามองว่าหลัง พ.ร.บ.อีอีซีมีความชัดเจนแล้วจะส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนยังไทยเพิ่มขึ้นเพราะมีสิทธิประโยชน์การลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมเป้าหมายที่วางไว้ให้เห็นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวที่ชัดเจนมาก” นายวิกรมกล่าว
นอกจากนี้ การลงทุนทั้งนักลงทุนจีนเองและนักลงทุนต่างชาติในจีนมีแนวโน้มจะย้ายฐานการผลิตออกเพราะจีนเข้าสู่จุดที่ไม่สามารถผลิตสินค้าแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้เพราะต้นทุนต่างๆ เริ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าแรง จึงทำให้มีการทยอยย้ายฐานการผลิตออกมาซึ่งทำให้จีนต้องการเชื่อมการค้าและการลงทุนจึงกำหนดนโยบาย One Belt One Road ขึ้นซึ่งจะทำให้ไทยเป็นเส้นทางที่จะเชื่อมกับจีน
นายวิกรมยังกล่าวถึงการลงนาม (MOU) กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เพื่อการศึกษาตั้งโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมในนิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี เพื่อให้สอดรับกับแนวทางการก้าวสู่เมืองอัจฉริยะ (สมาร์ทซิตี้) คาดว่าผลการศึกษาจะเสร็จในเดือน ก.ย. และการก่อสร้างจะเสร็จ ต.ค.นี้
“เรามีขยะในนิคมฯ อมตะซิตี้ ชลบุรี อยู่ 2,600 ตันต่อวัน แต่เอามาใช้ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 1,200 ตันต่อวันก็คงจะทยอยนำมาผลิตไฟเป็นเฟสๆ ซึ่งต้องขอใบอนุญาตผลิตไฟก่อนด้วย และจากนั้นจะมองการขยายไปยังนอกนิคมฯ” นายวิกรมกล่าว
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าฯ กนอ.กล่าวว่า บอร์ด กนอ.เมื่อเร็วๆ นี้ได้เห็นชอบการตั้งนิคมฯ แห่งใหม่ 2 แห่งได้แก่ นิคมฯ โรจนะ แหลมฉบัง พื้นที่ 700 ไร่ และนิคมฯ บ่อทอง จ.ปราจีนบุรี ของกลุ่ม บ.บ่อทองอินดัสทรี 2,000 ไร่
“พ.ร.บ.อีอีซีคาดว่าจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการได้ราว เม.ย.นี้ และสำนักงานกฤษฎีกาจะนัดหารือเกี่ยวกับร่างแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.กนอ.ด้วย 15 มี.ค.นี้ที่จะเร่งผลักดันออกมาให้ได้ในเร็วๆ นี้เพื่อให้กฎหมายทั้งหมดสอดคล้องไปด้วยกัน” นายวีรพงศ์กล่าว
