xs
xsm
sm
md
lg

CENTEL ไตรมาส 4 ปี 2560 กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) (CENTEL) มีกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2560 จำนวน 442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ซึ่งมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธุรกิจหลักในประเทศไทย ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นสำหรับธุรกิจโรงแรมในประเทศมัลดีฟส์ สำหรับปี 2560 CENTEL มีกำไรสุทธิจำนวน 1,991 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%

CENTEL มีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ (EBITDA) ในไตรมาส 4 ปี 2560 รวม 1,136 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% โดยมี EBITDA จากธุรกิจโรงแรมจำนวน 786 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และ EBITDA จากธุรกิจอาหารจำนวน 350 ล้านบาท ลดลง 2% เนื่องจากการเร่งเปิดสาขาในช่วงท้ายของปี ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น สำหรับปี 2560 CENTEL มี EBITDA รวม 4,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% โดยมี EBITDA จากธุรกิจโรงแรมจำนวน 3,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และ EBITDA จากธุรกิจอาหารจำนวน 1,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%

ธุรกิจโรงแรม ในไตรมาส 4 ปี 2560 มีกำไรสุทธิจำนวน 268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% ซึ่งมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานของโรงแรมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตามการปรับตัวดีขึ้นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย รายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) สำหรับโรงแรมที่ CENTEL เป็นเจ้าของ เพิ่มขึ้น 5% ในไตรมาส 4 ปี 2560 เนื่องมาจากโรงแรมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) ของโรงแรมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพิ่มขึ้น 10% และ 8% ตามลำดับในไตรมาส 4 ปี 2560 ในขณะที่โรงแรมในมัลดีฟส์มีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 4%

ธุรกิจอาหารในไตรมาส 4 ปี 2560 มีกำไรสุทธิจำนวน 174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิเป็นผลจากยอดขายรวมของทุกสาขาของแบรนด์ส่วนใหญ่มีการเติบโตหลังจากสิ้นสุดช่วงเวลาการไว้ทุกข์ของประชาชนคนไทย ยกเว้น โคลด์สโตน ครีมเมอรี่, เดอะ เทอเรส และโยชิโนยะ เนื่องจากภาวะการแข่งขันในตลาดสูง และการปิดสาขาที่ขาดทุนและตัดจำหน่ายค่าเสื่อมราคาเต็มมูลค่าแล้ว โดยมีอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (TSS) เพิ่มขึ้น 9% และมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSS) เพิ่มขึ้น 3%

ในปี 2561 CENTEL มีความเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานทั้งธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอาหารจะปรับตัวดีขึ้น จากการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น การส่งออกที่ขยายตัว มาตรการกระตุ้นการบริโภคและเศรษฐกิจ และข่าวการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อีกทั้ง CENTEL จะมีผลประกอบการเต็มปีจากของโรงแรมโคซี่ สมุย เฉวง บีช จำนวน 151 ห้อง และโรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ จำนวน 204 ห้อง ส่วนการพัฒนาโรงแรมใหม่ CENTEL ได้เริ่มก่อสร้างโรงแรมโคซี่ พัทยา นาเกลือ บีช จำนวน 282 ห้อง และมีแผนเบื้องต้นที่จะก่อสร้างโรงแรม 2 โรง โดยมีจำนวนห้องพักรวมประมาณ 300 ห้อง ในประเทศมัลดีฟส์ ในด้านการพัฒนาระบบงาน CENTEL จะเปลี่ยนระบบการจัดการโรงแรม (PMS) และระบบการบริหารรายได้โรงแรม (RMS) ใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน การจัดการฐานข้อมูลลูกค้าแบบรวมศูนย์เพื่อประโยชน์ในการให้บริการลูกค้า รวมถึงการเพิ่มความยืดหยุ่น และความรวดเร็วในการกำหนดและปรับเปลี่ยนราคาห้องพักให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ CENTEL ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอาหารในรูปแบบของการซื้อกิจการ การควบรวมกิจการ รวมถึงกิจการร่วมค้า ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 CENTEL มีโรงแรมภายใต้การบริหารทั้งสิ้น จำนวน 54 โรงแรม (11,111 ห้อง) โดยเป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 38 โรงแรม (7,231 ห้อง) และเป็นโรงแรมที่กำลังพัฒนา 16 โรงแรม (3,880 ห้อง) ในส่วน 38 โรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วนั้น 17 โรงแรม (4,167 ห้อง) เป็นโรงแรมที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ และ 21 โรงแรม (3,064 ห้อง) เป็นโรงแรมที่อยู่ภายใต้สัญญาบริหาร สำหรับธุรกิจอาหาร CENTEL มีจำนวนร้านอาหารที่เปิดดำเนินการรวม 889 สาขา ดังนี้ 1. เคเอฟซี (238) 2. มิสเตอร์โดนัท (336) 3. โอโตยะ (44) 4. อานตี้แอนส์ (149) 5. เปปเปอร์ลันช์ (32) 6. ชาบูตง ราเมน (18) 7. โคลด์สโตน ครีมเมอรี่ (21) 8. โยชิโนยะ (15) 9. เดอะ เทอเรส (9) 10. เทนยะ (7) 11. คัตสึยะ (20)


กำลังโหลดความคิดเห็น