“อาคม” รับลูก รฟม.ดึงสายสีเขียวกลับบริหารเดินรถเอง หวั่นเจรจาภาระหนี้สิน กทม.ล่าช้ากระทบกำหนดเปิดเดินรถในปี 61 ระบุ กทม.ขอรับภาระเดินรถ 30% ไม่เหมาะสม และจะเป็นตัวอย่างกับท้องถิ่นอื่น ที่ควรรับภาระโครงสร้างพื้นฐานด้วย พร้อมชง คจร.ทบทวนมติ วงในระบุนโยบายส่อไม่เห็นด้วย ยัน กทม.เดินรถเหมาะสม คาดเร่งเจรจาสรุปเร็วๆ นี้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้สรุปว่าจะเป็นผู้บริหารจัดการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการเองแล้ว เนื่องจากการเจรจาเรื่องการรับภาระค่าลงทุนก่อสร้างกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีความล่าช้านั้น การที่ รฟม.จะรับผิดชอบการบริหารการเดินรถเองเป็นแนวทางเดิมอยู่แล้ว โดยกระทรวงจะเร่งพิจารณาและนำเสนอต่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณาในต้นปี 2561
ทั้งนี้ มติ คจร.ให้โอนการเดินรถสายสีเขียวให้ กทม.เพื่อต้องการให้ กทม.ซึ่งเป็นหน่วยงานท้องถิ่นดำเนินการ และต้องการให้ กทม.มีส่วนร่วมรับภาระค่าลงทุน ภายใต้หลักการท้องถิ่นสามารถลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ โดยรัฐบาลอาจะช่วยเหลือบ้าง ส่วนจะมากน้อยจะต้องพิจารณาต่อไป แต่หากไม่ได้ข้อสรุป รฟม.จะรับผิดชอบการบริหารงานเองเหมือนเดิม เพื่อไม่ให้กระทบบริการที่จะเปิดให้บริการในปี 2561
ดังนั้น กรณีที่ กทม.ขอรับภาระค่าระบบและเดินรถอย่างเดียว ซึ่งมีสัดส่วน 30% โดยให้รัฐรับภาระโครงสร้างพื้นฐาน 70% ก็อาจจะไม่ได้ และจะเป็นตัวอย่างให้ท้องถิ่นอื่น หากขอลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าแบบนี้ รฟม.ใช้แนวทางเปิดหาเอกชนมาเดินรถเองดีกว่า ซึ่งปัจจุบัน บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ได้เดินรถในช่วง แบริ่ง-สำโรงไปแล้ว ขณะที่โครงสร้างของสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ นั้นแยกจากบีทีเอสหมอชิต-แบริ่ง ดังนั้น หาก รฟม.เจรจาจ้างให้บีทีเอสเดินรถช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการไม่มีปัญหา เพราะสามารถแยกสัญญากันได้เลย ไม่เกี่ยวและไม่ต้องผูกกับสัญญาเดิมของบีทีเอสแต่อย่างใด
“ตอนนี้ยังคงพิจารณาแนวทางโอนให้ กทม.คู่ขนานไปกับการให้ รฟม.ดำเนินการเอง เพราะยังมีขั้นตอนรอเสนอ คจร.ทบทวน เพราะก่อนหน้านี้มีมติโอนให้ กทม.เดินรถ รอคำคำตอบ กทม.อีกครั้ง ยังเหมือนเดิม รฟม.จะดำเนินการเดินรถเองเพื่อไม่ให้ล่าช้า”
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.ที่มี นายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย เป็นประธานเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ รฟม.เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และรับทราบผลการศึกษาตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556 ซึ่งได้มีการศึกษาวิเคราะห์การร่วมทุน PPP แล้ว
โดยหลักการเดินรถของสายสีเขียวจะใกล้เคียงกับสายสีน้ำเงิน คือ มีส่วนเดิมและส่วนต่อขยาย ซึ่งการลงทุนเดินรถมี 2 แบบ คือ เจรจากับรายเดิมให้เดินรถต่อเนื่อง หรือเปิดประมูลหาผู้เดินรถซึ่งจะเป็นรูปแบบ PPP-Net Cost เพื่อลดการลงทุนภาครัฐ โดยจะมีคณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 เป็นผู้พิจารณาแนวทางที่เหมาะสม และนำเสนอคณะกรรมการ PPP เห็นชอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้นโยบายไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงมติ การให้ กทม.เดินรถสายสีเขียว และไม่เห็นด้วยกับที่ รฟม.จะดึงงานเดินรถสายสีเขียวมาบริหารเอง เนื่องจาก คจร.ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ กทม.ได้ว่าจ้างบีทีเอสดำเนินการและเปิดเดินรถสีเขียวใต้ไปแล้ว 1 สถานี ดังนั้นคาดว่าจะมีการเร่งเจรจา ภาระค่าลงทุนโครงสร้างฐานสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงินประมาณ 21,085.47 ล้านบาท ให้ได้ข้อยุติเร็วๆ นี้