“สนธิรัตน์” ดันเปิดตลาดผ้าไหม นำร่องที่ปักธงชัย ก่อนขยายเส้นทางครอบคลุมจังหวัดภาคอีสาน พร้อมดึง ททท.ช่วยโปรโมตเป็นแหล่งท่องเที่ยว คาดเปิดได้ภายในปีนี้ ส่วนตลาดซีฟูดยังเดินหน้าต่อ เตรียมคิกออฟแห่งแรกที่ตลาดทะเลไท จากนั้นเปิดแห่งที่ 2 ที่สุราษฎร์ธานี เผยร้านธงฟ้าประชารัฐ ล่าสุดมีผู้ผลิตอีก 8 รายเข้าร่วมผลิตสินค้าให้
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 2 ก.ย. 2560 จะเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมาเพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐกองทุนหมู่บ้าน และมีตัวแทนกองทุนหมู่บ้าน 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาเข้าร่วม โดยเบื้องต้นจะหารือในการจัดทำตลาดเฉพาะสินค้า (Magnet Market) สำหรับสินค้าผ้าไหม ที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะเป็นพื้นที่นำร่องก่อนขยายเป็นเส้นทางการผลิตผ้าไหมเชื่อมโยงจังหวัดในภาคอีสานที่เกี่ยวข้อง เช่น ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี จากนั้นจะร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวเข้าไปยังหมู่บ้านที่ผลิตผ้าไหมต่อไป
ทั้งนี้ ตลาดผ้าไหมที่จะผลักดันให้เป็นตลาดเฉพาะสินค้า จะคล้ายกับการเปิดตลาดทุเรียนก่อนหน้านี้ โดยตลาดผ้าไหมจะเข้าไปช่วยส่งเสริมให้ชุมชนที่ผลิตผ้าไหมมีการพัฒนาสินค้า ทั้งผ้าไหมและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับผ้าไหม เช่น สินค้าตกแต่งบ้าน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ส่วนสาเหตุที่นำร่องในพื้นที่ปักธงชัยเพราะมีคนในพื้นที่ผลิตผ้าไหมจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับความนิยมเพราะสู้ต้นทุนผ้าไหมที่นำเข้าจากเวียดนามไม่ได้ จึงต้องลงไปส่งเสริมให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่ม และตั้งเป้าจะเปิดตลาดผ้าไหมให้ได้ภายในปีนี้
ส่วนตลาดซีฟูด ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะสินค้าอีกตลาดหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะผลักดัน คาดว่าจะเปิดตัวได้ในเร็วๆ นี้ โดยยังคงใช้พื้นที่ตลาดทะเลไทย มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร เป็นที่เปิดตัวแห่งแรก เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางไปบริโภคอาหารทะเลได้ไม่ยาก จากนั้นจะเปิดตัวแห่งที่ 2 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยตั้งเป้าให้เป็นแลนด์มาร์กใหม่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปเที่ยวภาคใต้จะต้องมีโปรแกรมที่จะไปบริโภคอาหารทะเลสดๆ และมีไฮไลต์คือ หอยนางรม ซึ่งเป็นของดีของจังหวัด
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ในการลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จะหารือกับกองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้ช่วยผลักดันโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยจะให้ทางกองทุนหมู่บ้านจัดหาร้านค้าปลีกในพื้นที่มาเข้าร่วมโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ เพื่อให้ช่วยกระจายสินค้าไปยังแหล่งชุมชม และเข้าถึงผู้มีรายได้น้อยครอบคลุมทุกตำบลให้ได้มากที่สุด
สำหรับความคืบหน้าการผลิตสินค้าป้อนให้กับร้านธงฟ้าประชารัฐ ล่าสุดมีผู้ผลิตสินค้าอีก 8 รายเข้าร่วม ได้แก่ บริษัท กรีนสปอต จำกัด, บริษัท ไอ.พี.เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด, บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด, บริษัท ฟรีสแลนด์ คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด, สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย จำนวน 6 บริษัท และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา
ส่วน 5 รายก่อนหน้านี้ ได้แก่ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด