ทอท.เพิ่งคิดได้ เตรียมยกเลิกสัญญาเคาน์เตอร์ถ่ายรูปวีซ่า “ผอ.ดอนเมือง” เผยแม้มีอำนาจเซ็นแต่ต้องเสนอ “เอ็มดี ทอท.” และ กก.รายได้ ที่สำนักงานใหญ่อนุมัติก่อน ระหว่างนี้ต้องเฝ้าติดตามบริการใกล้ชิดไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ วงในแฉงานนี้น่าจะมีไอ้โม่งระดับบิ๊กคุ้มครอง มาเฟียกลุ่มนี้จึงกล้าเข้ามาหาประโยชน์ได้แบบไม่เกรงกลัวจนทำลายชื่อเสียงประเทศอย่างมาก
จากกรณีที่มีผู้โดยสารชาวจีนและต่างชาติจำนวนมากร้องเรียนการให้บริการของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.เอ็น.เก้าเก้า มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งได้รับสัมปทานจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ให้บริการถ่ายรูปติดหนังสือเดินทางให้แก่ผู้โดยสาร (VISA ON ARRIVAL) ณ สนามบินดอนเมือง โดยมีพฤติกรรมหลอกลวงผู้โดยสารว่าจะสามารถให้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ได้เร็ว และเรียกเก็บค่าบริการถ่ายรูปเกินกำหนด นอกจากนี้ ทางสำนักงานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการค้า สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ยังได้ทำหนังสือถึง ทอท.ร้องเรียนกรณีมีการหลอกลวงนักท่องเที่ยวจีนอีกด้วย จนล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ส.ค. คณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง หลังได้รับการร้องเรียนและยังคงพบพฤติกรรมดังกล่าว
นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือบอกเลิกสัญญา ห้างหุ้นส่วนจำกัด พี.เอ็น.เก้าเก้า แล้ว แต่ตามขั้นตอนจะต้องทำหนังสือถึงคณะกรรมการรายได้ของ ทอท. โดยเสนอผ่าน นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เพื่อพิจารณาก่อน ซึ่งในหนังสือบอกเลิกสัญญาดังกล่าวตนได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุในการบอกเลิกสัญญาแล้ว หากได้รับอนุมัติตนจะสามารถลงนามยกเลิกสัญญาได้ทันที
โดยในระหว่างนี้ยอมรับว่าจำเป็นที่ต้องให้ หจก.พี.เอ็น.เก้าเก้า บริการถ่ายรูปติดหนังสือเดินทางต่อไปก่อน โดย ทอท.จะเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีก ขณะที่ได้เจรจากับบริษัท คิงคอบบร้า มอร์ต้า จำกัด ผู้ให้บริการเคาน์เตอร์ถ่ายรูปติดหนังสือเดินทางอีกรายเร่งกลับเข้ามาเพื่อไม่ให้กระทบต่อบริการ ซึ่งสัญญาของ บ.คิงคอบบร้าฯ จะครบกำหนดวันที่ 30 ก.ย. แต่ถือว่าที่ผ่านมาบริการตามเงื่อนไขไม่เคยถูกร้องเรียน ดังนั้นจะให้ดำเนินการต่อไปจนกว่ากลุ่มคิงเพาเวอร์ฯ จะเข้าบริหารพื้นที่ตามสิทธิ์ในสัญญาเชิงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ในวันที่ 23 ส.ค.นี้
ผอ.สนามบินดอนเมืองกล่าวว่า ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ผอ.ดอนเมือง ส่วนปัญหาเรื่องเคาน์เตอร์ถ่ายรูปวีซ่าเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งพบว่ามีเพียงการทำหนังสือเตือนเท่านั้น โดยการตรวจสอบพบว่าเดิมเคาน์เตอร์ถ่ายรูปวีซ่ามี บ.คิงคอบบร้าฯ ให้บริการภายใต้การกำกับดูแลของตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ต่อมามีการทักท้วงว่า ทอท.ควรดำเนินการเอง ทอท.จึงประมูล ซึ่ง บ.คิงคอบบร้าฯ ได้รับคัดเลือก โดย กก.พิจารณารายได้ ทอท.ให้สัญญา 1 ปี สิ้นสุด 30 ก.ย. 60 เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวตามผังแม่บทบริหารธุรกิจจะรวมอยู่ในพื้นที่สัมปทานเชิงพาณิชย์ที่ต้องให้สิทธิ์เอกชนที่ชนะประมูล
ต่อมา ทอท.เห็นว่าควรเพิ่มเคาน์เตอร์ถ่ายรูปวีซ่าอีก 1 รายเพื่อเป็นทางเลือกไม่ให้เอาเปรียบผู้โดยสาร จึงเชิญ หจก.พี.เอ็น.เก้าเก้า เข้ามาเสนอราคา โดย กก.รายได้ฯ ระบุว่าพื้นที่ของ หจก.พี.เอ็น.เก้าเก้า ไม่อยู่ในสัมปทานเชิงพาณิชย์ จึงให้สัญญา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 2559 และตามข้อมูลพบว่า หจก.พี.เอ็น.เก้าเก้า มีการกระทำผิดแบบมีหลักฐานรวม 6 ครั้ง เช่น 14 พ.ย. 59 กระทำการละเมิดสัญญา โดยขายทัวร์, รับกรอกเอกสาร วันที่ 10 ม.ค. 60 สำนักงานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการค้า สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ทำหนังสือร้องเรียนเหตุหลอกลวงนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ (ศปพ.) ซึ่งขึ้นตรงต่อเอ็มดี ทอท.ทำการล่อซื้อ พบเรียกค่าถ่ายรูปเกินกำหนด รับแลกเงิน ซึ่งละเมิดสัญญาทั้งสิ้น จนวันที่ 12 ส.ค.ยังเก็บค่าบริการนักท่องเที่ยวอินเดียเกินราคา
“ที่ผ่านมาผู้รับผิดชอบได้ทำหนังสือเตือน แต่วันนี้ไม่เตือนแล้ว ต้องยกเลิกสัญญา แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับ กก.รายได้ที่สำนักงานใหญ่ด้วย ซึ่งผมได้ทำหนังสือเสนอไปตามขั้นตอน เพราะแม้ ผอ.ดอนเมืองจะมีอำนาจลงนามเลิกสัญญาแต่ก็ต้องทำตามขั้นตอน ส่วนที่ผ่านมาทำไมไม่ยกเลิกสัญญาทั้งที่ทำผิดหลายครั้ง ตรงนี้ผมไม่ขอออกความเห็น อย่างไรก็ตาม หลักการ ทอท.ควรเป็นผู้ให้บริการถ่ายรูปวีซ่า แต่ต้องขึ้นกับนโยบายของผู้บริหาร ทอท.” ผอ.สนามบินดอนเมืองกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า เคาน์เตอร์ถ่ายรูปวีซ่าที่มีปัญหาดังกล่าว ทอท.ให้สัญญาเข้ามาด้วยวิธีพิเศษ และปล่อยให้มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้โดยสารจนสร้างความเสียหายแก่ประเทศอย่างมาก ถูกร้องเรียนหลายครั้ง แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันว่าเจ้าของเคาน์เตอร์ดังกล่าวคือผู้มีอิทธิพลอยู่ที่สนามบินภูเก็ต ดังนั้นการที่กลุ่มอิทธิพลนี้เข้ามาทำมาหากินที่ดอนเมืองแบบไม่ถูกต้องโดยไม่เกรงกลัวใดๆ นั้น ผู้บริหารระดับสูงของ ทอท.ปล่อยปละละเลยได้อย่างไร ยกเว้นจะมีผลประโยชน์ร่วม