“กกร.” เกาะติดปัจจัยกระทบต่อเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ทั้งมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ที่จะทำให้ค่าเงินอาจผันผวน รับบาทแข็งค่ามากกว่าเพื่อนบ้าน แต่มั่นใจ ธปท.เอาอยู่ ชี้น้ำท่วมแค่ระยะสั้น คงเป้า GDP ปีนี้โต 3.5-4% ส่งออกโต 3.5-4.5% ขณะที่สภาหอฯ ชี้ ศก.ฐานรากยังไม่ดี แนะเร่งเบิกจ่าย
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.ได้พิจารณาทิศทางเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังยังมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามโดยเฉพาะค่าเงินอาจมีความผันผวน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาวะน้ำท่วมในขณะนี้เชื่อว่าจะไม่กระทบเป็นวงกว้างและเป็นเหตุการณ์ระยะสั้น จึงคงกรอบประมาณการอัตราการขยายตัวของ GDP ในปี 2560 ไว้ที่ 3.5-4.0% การส่งออก 3.5-4.5% เงินเฟ้อที่ 0.5-1.5% ตามเดิม
“คงต้องติดตามเศรษฐกิจโลกช่วงที่เหลือ โดยเฉพาะการประชุมธนาคารกลางต่างๆ ที่มีแนวโน้มจะค่อยๆ ลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง ซึ่งจะมีผลต่อค่าเงินบาทให้ผันผวน ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่ามีทิศทางแข็งค่าเร็วและอาจมากกว่าเพื่อนบ้านแต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ติดตามใกล้ชิด” นายปรีดีกล่าว
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะมีทิศทางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่เศรษฐกิจฐานรากเองยังไม่ดีนักเพราะราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐชะลอตัวลง โดยพบว่าล่าสุดมีการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 21% ซึ่งเห็นว่ารัฐควรจะเร่งเบิกจ่ายเพื่อให้เม็ดเงินกระจายลงไปยังพื้นที่ให้มาก และระยะยาวจำเป็นต้องเร่งเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร
“เราเห็นว่าการท่องเที่ยวขยายตัวมาก ก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้เงินกระจาย กกร.เองก็มองว่าจากนี้ไปน่าจะให้สมาชิกทั้งหมดหากมีการจัดสัมมนาก็ขอให้จัดไปยังภูมิภาคที่เป็นเมืองรองบ้างเพราะเมืองหลักการท่องเที่ยวก็กระจุกตัวอยู่แล้ว” นายกลินท์กล่าว
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาวะน้ำท่วมล่าสุดยังไม่ได้รวบรวมความเสียหายที่ชัดเจน และภาพรวมสถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายแล้วแต่ยังคงต้องติดตามมวลน้ำที่อาจจะไหลลงไปยังพื้นที่อื่นๆ รวมถึงในภาคกลาง ซึ่งเบื้องต้นทุกฝ่ายต่างก็ร่วมมือในการช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัย ขณะที่ปัญหาสภาพคล่องทางรัฐก็พร้อมที่จะมีมาตรการมาดูแล ขณะที่ภาวะค่าเงินบาทยอมรับว่าเป็นอีกปัจจัยต้องติดตามใกล้ชิดเพราะทิศทางค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ากว่าภูมิภาค ทาง ธปท.ก็ติดตามอยู่ ซึ่งเอกชนก็เห็นว่าหากเงินทุนที่เคลื่อนไหวเร็วผิดปกติ ธปท.ก็น่าจะนำเอามาตรการที่มีอยู่มาดูแลได้ทันท่วงที
