นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. มองว่าเศรษฐกิจโลกยังขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เหลือของปีนี้ ยอมรับว่ายังมีหลายเหตุการณ์สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมของธนาคารกลางต่าง ๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ซึ่งมีแนวโน้มที่จะค่อย ๆ ลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังในช่วงข้างหน้า การเลือกตั้งของเยอรมนีที่อาจมีผลต่อประเด็นการเจรจาออกจากสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิท และการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ อาจจะส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวในตลาดการเงินและค่าเงินบาทให้มีโอกาสผันผวนได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้น กกร.มองว่า การส่งออกในปีนี้น่าจะสามารถรักษาการขยายตัวได้ตามกรอบประมาณการที่ร้อยละ 3.5-4.5 หลังจากช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวได้ร้อยละ 7.8 และแรงส่งด้านปริมาณ หรือคำสั่งซื้อ จากประเทศคู่ค้ายังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าเกษตรหลักที่อยู่ในระดับต่ำ การเบิกจ่ายงบลงทุนที่ชะลอตัวลง และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแรงลง อาจจะยังคงเป็นปัจจัยถ่วงการใช้จ่ายภายในประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้ กกร.ยังมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย จึงคงกรอบประมาณจีดีพีไทยปีนี้ ไว้ที่ร้อยละ 3.5-4.0 และเงินเฟ้อที่ร้อยละ 0.5-1.5 ตามเดิม
สำหรับเศรษฐกิจไทยนั้น กกร.มองว่า การส่งออกในปีนี้น่าจะสามารถรักษาการขยายตัวได้ตามกรอบประมาณการที่ร้อยละ 3.5-4.5 หลังจากช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวได้ร้อยละ 7.8 และแรงส่งด้านปริมาณ หรือคำสั่งซื้อ จากประเทศคู่ค้ายังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าเกษตรหลักที่อยู่ในระดับต่ำ การเบิกจ่ายงบลงทุนที่ชะลอตัวลง และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแรงลง อาจจะยังคงเป็นปัจจัยถ่วงการใช้จ่ายภายในประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้ กกร.ยังมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย จึงคงกรอบประมาณจีดีพีไทยปีนี้ ไว้ที่ร้อยละ 3.5-4.0 และเงินเฟ้อที่ร้อยละ 0.5-1.5 ตามเดิม