ซัสโก้ยันผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไร แม้ว่าจะบันทึกค่าใช้จ่ายด้านภาษีในไตรมาส 2/60 มั่นใจเป้าปริมาณขายปีนี้โต 8% ดันรายได้อยู่ 2 หมื่นล้านบาท พร้อมรุกธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันโดยได้สิทธิแฟรนไชส์ขยายร้านกาแฟชาวดอยและร้านLAWSON 108 ได้สะดวกขึ้น
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) (SUSCO) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานใน 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีปริมาณการขายน้ำมันและรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ แม้ว่าจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายด้านภาษีของบริษัทย่อย คือ ซัสโก้ ดีลเลอร์ส จำนวน 115 ล้านบาทก็ตาม
ดังนั้น บริษัทมั่นใจว่าทั้งปี 2560 จะมีปริมาณการขายน้ำมันโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 8% จากปีก่อนที่มียอดขาย 1,077 ล้านลิตร โดยมีรายได้รวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปยังประเทศเพื่อนบ้านขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 10% เช่นเดียวกับการจำหน่ายน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ บริษัทก็มีการขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 3 นี้จะเปิดเพิ่มอีก 4 แห่งที่จังหวัดนครปฐม นครศรีธรรมราช และระยอง 2 แห่ง จึงมีโอกาสเห็นสถานีบริการซัสโก้เพิ่มขึ้นใกล้เคียง 250 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 300 แห่งในอีก 3 ปีข้างหน้า
รวมทั้งการเปิดตัวบัตรสมาชิกซัสโก้สมาร์ทการ์ดมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายน้ำมันมากขึ้น 3-5% เชื่อว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีส่วนแบ่งการตลาดค้าปลีกน้ำมันอยู่ระดับ 3% จากปัจจุบันกว่า 2%
นายชัยฤทธิ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทไม่มีแผนที่จะซื้อธุรกิจร้านกาแฟหรือร้านอาหารเพื่อรุกตลาดที่ไม่ใช่น้ำมัน (non oil) แต่บริษัทจะเน้นจับมือกับพันธมิตร โดยบริษัทจะได้สิทธิแฟรนไชส์ในการขยายสาขา ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟสดชาวดอย หรือร้านสะดวกซื้อLAWSON 108 ทำให้สามารถขยายสาขาได้เร็วขึ้น โดยสิ้นปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาร้านกาแฟเพิ่มอีก 10 กว่าแห่ง และร้านสะดวกซื้อ LAWSON 108 อีก 2-3 แห่ง
ส่วนปีหน้าบริษัทมีแผนรุกธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันมากกว่านี้ โดยจะเปิดร้านกาแฟเพิ่มอีก 20 แห่ง และร้านสะดวกซื้ออีก 10 กว่าแห่ง ใช้เงินลงทุนไม่มากประมาณ 40-50 ล้านบาทต่อปี
นายชัยฤทธิ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทไม่มีแผนขยายหรือขายปั๊มปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี)ที่มีอยู่ 8 แห่งแม้ว่ายอดขายในครึ่งปีแรกลดลงไป 10% เช่นเดียวกับปั๊ม NGV เนื่องจากปั๊มแอลพีจีอยู่ภายในปั๊มน้ำมันทำให้ต้นทุนลดลง และเมื่อรัฐเปิดเสรีแอลพีจีเชื่อว่าจะทำให้ดีมานด์ลดลงอีกเพราะราคาจะใกล้เคียงน้ำมันมากขึ้นทำให้ผู้ประกอบการอยู่รอดยากขึ้น
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัท ซัสโก้ ดีลเลอร์ส จำกัด ได้หารือกับกรมสรรพากรและทราบว่าผลขาดทุนของบริษัทย่อยที่ได้นำไปใช้ประโยชน์ทางภาษีแล้วนั้นไม่สามารถนำไปใช้ในการคำนวณประโยชน์ทางภาษีได้ ทำให้เกิดภาระทางภาษีและเงินเพิ่มแก่บริษัท ซัสโก้ ดีลเลอร์ส จำกัด ที่จะต้องชำระเพิ่มอีกเป็นจำนวนประมาณ 115 ล้านบาท และจะต้องบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวทั้งจำนวนในคราวเดียวในงบการเงินรวมไตรมาส 2/2560 ของบริษัทด้วย โดยเงินสดที่ชำระจริงจะมีจำนวนเพียง 81.34 ล้านบาท
