“พาณิชย์” มั่นใจปีนี้ลำไยไม่มีปัญหา หลังล้งไทยเตรียมเข้ารับซื้อผลักดันส่งออกไปจีน อินเดีย เวียดนาม และพม่า ส่วนสับปะรดประสานโรงงาน โมเดิร์นเทรดไปช่วยแล้ว เผยทุเรียน เงาะ มังคุด ไร้ปัญหาแม้ผลผลิตมาก ด้านลองกอง เจอพายุ ผลผลิตวูบเหลือ 6 หมื่นตัน คาดราคาไม่ตก
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้พาณิชย์จังหวัดที่ประจำอยู่ในจังหวัดต่างๆ ติดตามสถานการณ์ผลผลิตและสถานการณ์ราคาผลไม้เป็นการล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้รับรายงานในส่วนของลำไยที่กำลังจะออกสู่ตลาดว่าจะไม่มีปัญหาราคาตกต่ำ เพราะขณะนี้ผู้รวบรวมผลไม้ (ล้ง) คนไทยได้เตรียมที่จะเข้าไปรับซื้อผลผลิตลำไยจากเกษตรกร ตั้งเป้าที่จะซื้อให้ได้ 3,000 ตู้คอนเทนเนอร์เพื่อส่งออกไปยังจีน อินเดีย เวียดนาม และพม่า
“ตอนนี้ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดและกรมการค้าภายในไปสำรวจจุดรับซื้อเพื่อแจ้งให้เกษตรกรได้รับทราบเพื่อให้นำผลผลิตมาขาย และยังได้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องทุนหมุนเวียนของล้งไทยที่จะเข้าไปรับซื้อด้วย เพื่อให้มีเงินทุนเพียงพอในการรับซื้อลำไยจากเกษตรกร”
ส่วนสับปะรดที่เกษตรกรในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พิษณุโลก ลำปาง และอุตรดิตถ์ ออกมาเรียกร้องให้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ ได้ประสานโรงงานสับปะรดกระป๋องเข้าไปรับซื้อแล้ว และในส่วนของสับปะรดที่ไม่ใช่เข้าโรงงาน เช่น ที่ลำปาง ได้ประสานห้างค้าปลีกสมัยใหม่เข้าไปช่วยรับซื้อ และกระจายผลผลิตไปยังสาขาของห้างทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันราคาได้ขยับขึ้นมาเป็นกิโลกรัม (กก.) ละ 4.70-5.00 บาท
สำหรับทุเรียน ปีนี้ไม่มีปัญหาด้านราคาแม้ว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากกว่าปีก่อน โดยกระทรวงฯ สามารถบริหารจัดการให้มีความต้องการบริโภคทุเรียนเพิ่มขึ้น ผ่านการผลักดันการเปิดตลาดเฉพาะสินค้า (Magnet Market) ซึ่งได้เปิดไปแล้วที่เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพฯ และอุดรธานี ทำให้มีความต้องการบริโภคทุเรียนเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เงาะ มังคุด ได้มีการประสานเชื่อมโยงผลผลิตจากแหล่งผลิตกระจายไปยังตลาดต่างๆ และห้างค้าปลีก ทำให้ราคาไม่มีปัญหา ส่วนลองกอง ที่เดิมคาดว่าจะมีปัญหาด้านราคาเพราะผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากถึง 1.4 แสนตัน แต่เจอพายุ ทำให้ผลผลิตลดลงเหลือ 6 หมื่นตัน ก็เลยไม่มีปัญหา