บีซีพีจีคว้า 2 โครงการโซลาร์ฟาร์ม รวม 8.94 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการที่ร่วมกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ส่วนสหกรณ์การเกษตรพลาดทั้งหมด วางเป้าหมายลงทุนพลังงานหมุนเวียนในไทยเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์ในปีนี้
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยความคืบหน้าการเสนอขายไฟโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะ 2 (โซลาร์ฟาร์ม) ว่า มีโครงการที่บริษัทสนับสนุนผ่านการคัดเลือกจำนวน 2 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 8.94 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกทั้งหมด องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตลพบุรี) กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ และองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสุพรรณบุรี) กำลังการผลิต 3.94 เมกะวัตต์
ขณะที่โครงการของกลุ่มสหกรณ์ภาคการเกษตรที่บริษัทเป็นผู้สนับสนุนไม่ได้รับการจับสลากคัดเลือก
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่นๆ โดยตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตภายในประเทศรวมประมาณ 30 เมกะวัตต์ภายในปี 2560
“บริษัทฯ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการในประเทศหลากหลายรูปแบบ ซึ่งนอกจากโครงการโซลาร์สหกรณ์หรือราชการแล้ว ยังมีโครงการผลิตไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวลแบบผสมผสาน หรือ SPP ไฮบริดเฟิร์ม และ VSPP มินิไฮบริดเฟิร์ม และโซลาร์รูฟท็อป มีพันธมิตรจากหลากหลายสาขาที่พร้อมจะร่วมมือกับบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศรวมทั้งสิ้นประมาณ 30 เมกะวัตต์” นายบัณฑิตกล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการเข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ 3 แห่งในอินโดนีเซียนั้น บริษัทเตรียมที่จะชำระเงินค่าหุ้นพร้อมโอนหุ้นในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งทำให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพในมือเข้ามาราว 182 เมกะวัตต์ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าเทียบเท่าโซลาร์เกือบ 600 เมกะวัตต์
