กรมโรงงานอุตสาหกรรมสั่งปิดปรับปรุงบ่อบำบัดน้ำเสียซีพีเอฟ 30 วัน พร้อมเตรียมหามาตรการดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำรอย โดยเตรียมหารือกับสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมฯ เพื่อกำหนดมาตรฐานเพิ่มเติม
จากกรณีเหตุการณ์วันที่ 23มิ.ย.ที่ผ่านมา นักศึกษาคณะสัตวแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าเยี่ยมชมโรงงานฆ่าสัตว์ และชำแหละสัตว์ปีก บริษัทซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่ถนนบางนาตราด 20 ตำบลบางนา อำเภอบางนา กรุงเทพมหานคร แต่พลัดตกบ่อระบบบำบัดน้ำเสีย และมีผู้เข้าไปช่วยเหลือแต่สุดท้ายการเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่มีความรู้ และเกิดอาการตกใจ จึงกระโดดลงไปช่วยแล้วขาดอากาศหายใจ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 5 ราย
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า หลังเกิดเหตุกรมโรงงานฯ เข้าไปตรวจสอบ และล่าสุดได้ออกคำสั่ง ตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 สั่งปิดโรงงานเฉพาะส่วนระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อปรับปรุงแก้ไขบริเวณที่ทำงานให้ปลอดภัยและมีความถูกต้องทางวิศวกรรมเป็นเวลา 30 วัน ในส่วนของการป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุขึ้นในอนาคตอีกนั้น จะได้หารือกับสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทยเพื่อกำหนดมาตรฐานที่เป็นปัจจุบันและทันกับสถานการณ์
“จากนี้ไปจะให้มีการดำเนินการมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นในโรงงานประเภทและลักษณะเดียวกันนี้ โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะได้หารือกับสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทยเพื่อกำหนดมาตรฐานที่เป็นปัจจุบันและทันกับ สถานการณ์ในปัจจุบันต่อไป” นายมงคลกล่าว
สำหรับบริเวณที่เกิดเหตุเป็นบ่อบำบัดน้ำเสียที่แยกไขมันออกแล้ว ก่อนส่งเข้าสู่ระบบบำบัดแบบตะกอนเร่ง มีขนาด 3 คูณ 4 เมตร ลึก 2.5 เมตร เป็นบ่ออับอากาศ โรงงานนี้มีปริมาณน้ำเสียจากกระบวนการผลิต 5,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยเหตุที่เกิดขึ้นมี เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมของโรงงานพาเยี่ยมชมโรงงาน เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น การจะเข้าพื้นที่บ่อบำบัดน้ำเสีย และไม่มีประสบการณ์เผชิญเหตุ และเบื้องต้นเท่าที่ทราบการเข้าไปชมโรงงานในส่วนดังกล่าวเป็นการขออนุญาตโดยส่วนตัวกับบุคคลภายใน
“ตามหลักฝาบ่อควรจะปิด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปฝาบ่อบำบัดน้ำเสียดังกล่าวตกลงไปในบ่อแล้ว อย่างไรก็ตาม การเปิดฝาปิดบ่อบำบัดนี้ น้ำหนัก 30 กิโลกรัม มีหูจับ 2 ด้าน การจะเปิดต้องใช้คนช่วยกัน แต่หากโรงงานเปิดฝาเพื่อซ่อมบำรุงก็สามารถดำเนินการได้ ถ้าเปิดทิ้งไว้ไม่ควรกระทำ แต่เมื่อดำเนินการซ่อมเสร็จแล้วควรจะปิด ซึ่งประเด็นนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจจะสืบสวนต่อไป แต่การปฏิบัติงานในสถานที่ไม่ปลอดภัยและมีคนเสียชีวิตจึงให้ปิดโรงงานเฉพาะส่วนเพื่อปรับปรุง” นายมงคลกล่าว
นายประเสริฐ ตปนียางกูร นายกสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมประเทศไทย กล่าวว่า จากสภาพการณ์ดูแล้วบ่อบำบัดน้ำเสียเป็นพื้นที่ที่ไม่สะดวกนักที่จะเข้าไปบำรุงรักษา สำคัญที่สุดและขอย้ำคือ สถานที่เหล่านี้ไม่ใช่ให้ใครเข้าไปก็ได้ เป็นสถานที่หวงห้าม บุคคลที่จะเข้าไปต้องมีหน้าที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่ช่างบำรุงรักษาบำบัด และจะต้องมีบุคคลที่คอยช่วยเหลือและต้องมีผู้ที่รู้เรื่องที่จะคอยดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในการช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ไม่มีใครทราบได้ว่าเกิดอะไรจริงในขณะนั้น แต่หลักการคือ สถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่อับอากาศซึ่งอันตราย สถานที่เหล่านี้ห้ามบุคคลภายนอกเข้าโดยไม่มีหน้าที่ เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องรับรู้อยู่แล้ว และคงต้องให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพเป็นผู้วินิจฉัยให้เป็นข้อสรุปว่าการเสียชีวิตเพราะเหตุใด ส่วนเหตุการณ์ฝาบ่อบำบัดจะเปิดหรือไม่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงไม่อาจวิเคราะห์ได้เลยว่าฝาเปิดหรือปิดอยู่ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานต่อไป