กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดให้บริการตรวจดูรายการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจผ่านเว็บไซต์ www.dbd.go.th อำนวยความสะดวกประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจ เผยล่าสุดมีผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว 1.4 แสนคำขอ มูลค่าทรัพย์สิน 2.2 ล้านล้านบาท โดยเป็นบัญชีเงินฝากมากที่สุด รองลงมา คือ ลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง สังหาริมทรัพย์ และเริ่มมีเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนเพิ่มขึ้น
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เพิ่มบริการตรวจสอบข้อมูลจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแก่ประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจบนเว็บไซต์ของกรมฯ www.dbd.go.th โดยสามารถตรวจค้นข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจได้ที่เมนู “บริการออนไลน์” หัวข้อ “ตรวจค้นข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจ” โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม และได้รับความคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิด้วย
สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสอบข้อมูล จะต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้บริการทางอินเทอร์เน็ตของกรมฯ ก่อน เมื่อสมัครสมาชิกแล้วจะได้รับชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อเข้าระบบ โดยสามารถตรวจสอบรายการจดทะเบียน คือ 1. เลขที่คำขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ 2. วัน เดือน ปี เวลาจดทะเบียน 3. สถานะคำขอจดทะเบียน และ 4. ประเภททรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน ซึ่งวิธีการค้นหารายการจดทะเบียนดังกล่าวสามารถค้นหาได้จาก 1. เลขทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ 2. ประเภททรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน 3. ลูกหนี้ และ 4. ผู้ให้หลักประกัน
น.ส.บรรจงจิตต์กล่าวว่า พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา เป็นกฎหมายที่ช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพิ่มมากขึ้น โดยสามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ กิจการ สิทธิเรียกร้อง สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินทางปัญญา มาใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินและสามารถใช้ทรัพย์สินนั้นไปผลิตเป็นสินค้าและบริการเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้
ทั้งนี้ หลังจากที่กฎหมายบังคับใช้ตั้งแต่ 4 ก.ค. 2559-6 มิ.ย. 2560 มีผู้มาขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 140,261 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน รวมทั้งสิ้น 2,238,229 ล้านบาท
สำหรับทรัพย์สินที่มีการนำมาใช้เป็นหลักประกันมากที่สุด คือ บัญชีเงินฝากธนาคาร มูลค่า 1,267,075 ล้านบาท คิดเป็น 56.61% ของทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน รองลงมาคือ สิทธิเรียกร้องประเภทลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง มูลค่า 430,465 ล้านบาท หรือ 19.23% สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ เครื่องจักร รถยนต์ เรือ มูลค่า 457,114 ล้านบาท หรือ 20.42% และทรัพย์สินทางปัญญา เช่น เครื่องหมายการค้า มูลค่า 1,975 ล้านบาท หรือ 0.09% ซึ่งถือว่ามีแนวโน้มดีขึ้น