“กรมขนส่งทางบก” ลงโทษหนัก! รถทัวร์ทิ้งผู้โดยสาร สั่งถอนรถออกจากบัญชี ขส.บ.11 ทันที และปรับผู้ประกอบการขั้นสูงสุด 50,000 บาท เหตุนำรถที่ผิดกฎหมายไม่ต่อภาษี ไม่ติด GPS Tracking จึงผิดเงื่อนไขมาให้บริการ ส่วนคนขับรถรับขั้นสูงสุด 5,000 บาท และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถเป็นเวลา 30 วัน ด้าน บขส.เตรียมพิจารณายกเลิกสัญญาเดินรถร่วม เตือนซื้อตั๋วและขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเท่านั้น เพื่อป้องกันถูกหลอกลวง
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ภาพพนักงานขับรถรถโดยสารประจำทาง คันหมายเลขทะเบียน 15-9952 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 18-10 กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ของบริษัท อินทราทัวร์ จอดทิ้งผู้โดยสารบนถนนพลโยธิน ขาขึ้นเหนือ เขตบ้านทรงธรรม หมู่ 3 ต.ทรงธรรม อ.เมืองกำแพงเพชร ซึ่งทันทีที่ทราบเรื่องสำนักงานขนส่งจังหวัดกำแพงเพชรและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันประสานจัดหารถโดยสารไม่ประจำทางเพื่อส่งต่อผู้โดยสารให้ถึงจุดหมายที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างปลอดภัยแล้ว
ทั้งนี้ พร้อมเร่งดำเนินการตรวจสอบสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวทันที พบว่า รถคันดังกล่าวเดินทางออกจากประตูน้ำ ตั้งแต่เวลา 20.30 น.ของวันที่ 28 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา มีผู้โดยสารเป็นชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวม 48 คน เมื่อจะเข้าเขตจังหวัดกำแพงเพชร รถทัวร์ได้จอดแวะรับประทานอาหารนานถึงชั่วโมงครึ่ง จากปกติจะใช้เวลาเพียงไม่เกิน 30 นาที ต่อจากนั้นยังมีการจอดพักรถข้างทางอีก 1 ชั่วโมง เมื่อขับเข้าเขต ต.สลกบาตร และจอดอีก 30 นาที เมื่อเข้าเขต อ.เมืองกำแพงเพชร ก่อนจะจอดทิ้งผู้โดยสารบนถนนพหลโยธิน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าพนักงานขับรถโดยสารคันดังกล่าว คือ นายศักย์วริษฐ์ ปะวัณเทา อายุ 40 ปี ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท เลขที่ ท.2 ชม.00532/57 สิ้นอายุวันที่ 25 สิงหาคม 2560 รถโดยสารคันเกิดเหตุสิ้นอายุภาษีเมื่อ 30 กันยายน 2559 โดยไม่มีการนำรถเข้ามารับการตรวจตามรอบภาษี ไม่มีการติดตั้ง GPS Tracking ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด กรมการขนส่งทางบกจึงได้ดำเนินการถอนรถคันหมายเลขทะเบียน 15-9952 กทม.ออกจากบัญชี ขส.บ.11 ทันที พร้อมเปรียบเทียบปรับผู้ประกอบการขั้นสูงสุดเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ฐานไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการ ไม่หยุดหรือจอดเพื่อส่งผู้โดยสารที่สถานี นำรถที่ค้างชำระภาษีประจำปีมาใช้ในการขนส่ง และไม่ติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS Tracking) ด้านพนักงานขับรถ ได้ลงโทษโดยการเปรียบเทียบปรับขั้นสูงสุดเป็นเงิน 5,000 บาท และสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถเป็นเวลา 30 วัน ฐานละทิ้งผู้โดยสารและไม่หยุดหรือจอดรถเพื่อส่งผู้โดยสารที่สถานี ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้เชิญบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ในฐานะผู้ประกอบการขนส่งมาชี้แจงรายละเอียดเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมให้พิจารณายกเลิกสัญญาเดินรถร่วมทันที
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลปีใหม่ขอให้ประชาชนเลือกใช้รถโดยสารสาธารณะ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้จัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งทั่วประเทศ และเพิ่มจำนวนคู่สายโทรศัพท์สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการใช้บริการรถสาธารณะ หากพบรถโดยสารเอาเปรียบสามารถร้องเรียนมายังกรมการขนส่งทางบกได้ทันที โดยระบุรายละเอียดรถและผู้ขับรถคันที่กระทำความผิด เช่น หมายเลขทะเบียนรถ ชื่อ-นามสกุลผู้ขับรถ โดยกรมการขนส่งทางบกจะตรวจสอบด้วยความเป็นธรรมทั้งต่อผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการโดยทันทีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะต่อไป
บขส.จ่อยกเลิกสัญญาเดินรถร่วมฯ
ด้านนายนพรัตน์ การุณยะวนิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า บขส.ได้เรียกผู้ประกอบการรถร่วมฯ ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันที่ก่อเหตุเข้าพบ หลังได้รับการร้องเรียนว่า รถโดยสารของบริษัท อินทราทัวร์ จำกัด ทะเบียน 15-9952 เส้นทางกรุงเทพมหานคร-เชียงใหม่ ปล่อยผู้โดยสารกลางทางที่จังหวัดกำแพงเพชร ส่วนคนขับเมื่อปล่อยผู้โดยสารแล้วได้หายตัวไป จากการตรวจสอบพบว่ารถโดยสารคันดังกล่าวเป็นรถโดยสารของบริษัท ชาญทัวร์ จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการโอนรถกับบริษัท อินทราทัวร์ จำกัด และรถโดยสารคันนี้อยู่ระหว่างถูกพักรถ ดังนั้นการนำรถมาวิ่งให้บริการผู้โดยสารจึงถือเป็นความผิดร้ายแรง และบริษัท ชาญทัวร์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของรถจะต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ดี บขส.จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง หากพบว่ามีการกระทำผิดจะมีโทษตั้งแต่ปรับ พักรถ และยกเลิกสัญญา
นายนพรัตน์กล่าวว่า ขอให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปต่างจังหวัด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เดินทางมาซื้อตั๋วโดยสารและขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาการหลอกลวงจากมิจฉาชีพ โดยที่สถานีขนส่งฯ มีจำนวนรถโดยสารเพียงพอให้บริการประชาชนอยู่แล้ว อีกทั้งรถโดยสารที่ให้บริการภายในสถานีขนส่งฯ จะได้รับการควบคุมให้มีประกันภัย และจะได้รับการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถ และพนักงานขับรถก่อนออกเดินทางด้วย