"พาณิชย์" เตรียมถอดธุรกิจสื่อสาร การเงิน และธุรกิจนวัตกรรมที่ได้รับส่งเสริมจากบีโอไอ ออกจากบัญชี 3 กฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เหตุมีกฎหมายเฉพาะดูแลอยู่ และเป็นไปตามนโยบายดึงดูดการลงทุนของรัฐบาล
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนถอดธุรกิจที่มีกฎหมายเฉพาะออกมาจากบัญชี 3 ของพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ได้แก่ ธุรกิจสื่อสาร (เทเลคอม) ประเภทที่ 1 เช่น ธุรกิจสื่อสารที่ไม่มีโครงข่ายของตนเองและต้องเช่าโครงข่ายของคนอื่น ซึ่งธุรกิจนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการเปิดเสรีไปแล้วจำนวน 13 ธุรกิจ และ กสทช. มีกฎหมายควบคุมดูแลอยู่แล้ว รวมทั้งธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในด้านนวัตกรรรม ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0
ทั้งนี้ ยังจะพิจารณาเปิดเสรีธุรกิจด้านการเงินเพิ่มเติม ที่อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามม.36 , ม.37 โดยมีจำนวน 17 ธุรกิจ เช่น ธุรกิจของธนาคารอิสลาม ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ คาดว่าจะสามารถออกกฎกระทรวงและมีผลบังคับใช้ได้ ในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้ถอดธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สำนักงานตัวแทนของสำนักงานใหญ่ ธุรกิจประกันชีวิต และประกันวินาศภัย ออกจากบัญชี 3 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาแล้ว
น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าวว่า กรมฯ ยังมีแผนทบทวนปรับปรุงพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีการว่างจ้างบริษัทที่ปรึกษามาศึกษาการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งจะศึกษาทั้งนิยามคนต่างด้าว ธุรกิจที่ควรจะควบคุมดูแลหรือเปิดเสรี รวมทั้งการแก้ไขปัญหาถือหุ้นแทน (นอมินี) ซึ่งจะมีการศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายของประเทศอื่นๆ ประกอบด้วย คาดว่าจะสรุปผลการศึกษาได้ในช่วงกลางปีหน้า
สำหรับการตรวจสอบนอมินีในธุรกิจต่างๆ ที่ละเมิดกฎหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว กรมฯ ได้มีการสุ่มตรวจเป็นประจำในธุรกิจเป้าหมาย เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจล้งผลไม้ ในจังหวัดเป้าหมาย 10 จังหวัดใหญ่ ที่มีเป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้ และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปจำนวนมาก โดยจะทำงานประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อทำการตรวจสอบ
