พ่อแม่ยุคใหม่ส่งลูกเรียนภาคอินเตอร์ ระส่ำโรงเรียนเอกชนปิดระนาวร่วม 900 แห่ง ภาคอินเตอร์มาแรงรับเออีซี “มัลลิการ์” จับมือบอดี้โกลฟ์ ทุ่ม 1,200 ล้านบาทผุด “โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล” คาดคุ้มทุน 10 ปี
อาจารย์มัลลิการ์ ธรรมวัฒนะ ประธานบริหาร บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ฟู๊ด จำกัด เปิดเผยว่า เดิมตนเรียนจบทางด้านการศึกษาและใฝ่ฝันที่จะเปิดโรงเรียนมานานแล้ว ล่าสุดช่วงปีที่ผ่านมาจึงได้จับมือกับทาง ดร.นพดล ธรรมวัฒนะ ประธานกรรมการบริษัท บีจีที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าบอดี้โกลฟ์ ในการลงทุนธุรกิจด้านการศึกษาใหม่ คือ โรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล หรือ TIS ด้วยงบลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท ไม่รวมที่ดินขนาด 30 ไร่ ย่านรังสิต-ปทุมธานี เริ่มดำเนินการก่อสร้างต้นปีหน้าและเปิดสอนได้ในเดือน ส.ค 60 ระดับอนุบาล-ป.3 และจะแล้วเสร็จใน 5 ปี เปิดสอนตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมปลาย น่าจะคุ้มทุนได้ใน 10 ปี
“การลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนในนามบุคคล ฝั่งทางดิฉันถือหุ้น 75% กับทางลูกๆ และทาง ดร.นพดลถือหุ้น 25% ขณะที่ภาคการบริหารงานนั้นจะอยู่ภายใต้การทำงานของอาจารย์ที่มีคุณวุฒิที่เกษียณงานจากโรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์เข้ามาดูแล รวมถึงบุคลากรอาจารย์ผู้สอนจะเป็นเจ้าของภาษาโดยตรง และครูคนไทยที่มีความรู้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ขณะที่กลุ่มเป้าหมายนั้นจะเป็นกลุ่มผู้มีฐานะระดับกลางขึ้นไป ที่ต้องการให้บุตรหลานได้เรียนหนังสือในรูปแบบอินเตอร์โดยค่าเล่าเรียนอยู่ในระดับกลางเมื่อเทียบกับเชนโรงเรียนนานาชาติทั่วไป ซึ่งหากได้รับการตอบรับดี อนาคตอาจจะขยายสาขาเพิ่มและเน้นลงทุนเองเป็นหลักไม่ขายแฟรนไชส์”
อาจารย์มัลลิกากล่าวต่อว่า นอกจากความตั้งใจเดิมที่อยากเปิดโรงเรียนนานาชาติแล้ว ส่วนสำคัญมองว่าภาคการศึกษาในปัจจุบันภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก บวกกับการเปิดเออีซียิ่งทำให้ทักษะด้านภาษาต่างประเทศมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น พ่อแม่ผู้ปกครองหันมาใส่ใจและส่งบุตรหลานเข้าเรียนโรงเรียนที่มีการสอนแบบสองภาษามากขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันของโรงเรียนภาคอินเตอร์มีการแข่งขันและเป็นที่ต้องการสูง ทำให้โรงเรียนเอกชนทั่วไปที่สอนแบบปกติต้องปิดตัวลงไปร่วม 800-900 แห่งทั่วประเทศ
จึงมองเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดโรงเรียนไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล เน้นจับตลาดกลางขึ้นไป ภายใต้ค่าเล่าเรียนเบื้องต้น คือ 1. ระดับเตรียมอนุบาล-อนุบาล 3 3 แสนบาท/ปี 2. ประถมศึกษา 4 แสนบาท/ปี 3. มัธยมต้น 5 แสนบาท/ปี และ 4. มัธยมปลาย 6 แสนบาท/ปี โดยรูปแบบการสอนแบบฉบับไทย มีความรู้และพัฒนาการที่ดี ด้วยคำขวัญ สำนึกไทย สร้างไทย สู่สากล
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจด้านอาหารยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยในปี2560 เตรียมงบไว้ราว 50-60 ล้านบาทในการขยายสาขาต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง ปีหน้าอย่างน้อย 2 สาขาที่พร้อมลงทุนขยายเพิ่ม ขณะที่ปีนี้เป็นปีที่มีการลงทุนขยายสาขามากสุด 6-7 สาขา แต่ละสาขาลงทุน 5-6 ล้านบาท ในศูนย์การค้าลงทุนราว 8 ล้านบาท/สาขา และเตรียมขายแฟรนไชส์ในสิงคโปร์อีก 4 สาขา และโรดโชว์ไปจีน มาเลเซียเพิ่ม จากปัจจุบันร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงมีทั้งสิ้น 33สาขา แบ่งเป็นไทย 30 สาขา ลาว 2 สาขา และสิงคโปร์ 3 สาขา
สำหรับร้านอาหารภายในเครือปัจจุบันมีทั้งสิ้น 6 แบรนด์ ได้แก่ 1. ร้าน อ.มัลลิการ์ 2. เรือนมัลลิการ์ 3. ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง โดย อ.มัลลิการ์ 4. ร้านปังยิ้ม คาเฟ่แอนด์เบเกอรี่ 5. ร้านปาป้าปอนด์ และ 6. ร้านคุ้มกะตังค์ ซึ่งรายได้กว่า 70% มาจากร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงเป็นหลัก อีก 30% มาจากแบรนด์ที่เหลือรวมกัน ถึงสิ้นปีนี้มองว่ารายได้ยังทรงตัวแต่ถือว่าดีกว่าปีก่อน ส่วนปีหน้าเชื่อว่าจากแผนงานของภาครัฐ และกำลังซื้อที่จะดีขึ้นน่าจะทำให้ผลประกอบการดีตามได้