“ซีพีเอฟ” องค์กรที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก “ปรัชญา 3 ประโยชน์” ที่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นอันดับแรก เล็งเห็นศักยภาพผู้พิการเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชุมชน และช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้พิการได้มีงานทำและรายได้ที่แน่นอน นำไปสู่การพึ่งพาตนเอง
นายสุเมธ วงศ์บุณย์ยง รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก “ปรัชญา 3 ประโยชน์” ที่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นอันดับแรก ได้เล็งเห็นศักยภาพของผู้พิการสามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชุมชน และเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้พิการได้มีงานทำและรายได้ที่แน่นอน นำไปสู่การพึ่งพาตนเอง จึงได้ดำเนินโครงการจัดจ้างผู้พิการในชุมชนเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยจ้างผู้พิการเป็นพนักงานบริษัทฯ โดยตรงให้ทำงานช่วยโรงเรียนใกล้บ้านต้น เพื่อร่วมเพิ่มประสิทธิภาพโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน
ขณะนี้ บริษัทฯ ร่วมกับมูลนิธิ และโรงเรียน อยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้พิการในชุมชนทั่วประเทศ เพื่อจัดจ้างผู้พิการเป็นพนักงานบริษัทฯ โดยตรง ได้รับค่าจ้างและสวัสดิการตามกฎหมาย ทำหน้าที่ช่วยงานโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ของโรงเรียนที่อยู่ในชุมชนตนเองตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าสามารถช่วยผู้พิการได้อาชีพที่มั่นคง ทำงานอยู่ใกล้บ้านรวม 270 คน
ซีพีเอฟเล็งเห็นว่า โครงการ “เลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ในโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลที่ซีพีเอฟให้การสนับสนุน จะสามารถช่วยสร้างอาชีพให้กับผู้พิการที่อยู่ในชุมชนได้ ตอบสนองนโยบายรัฐ สร้างโอกาสให้แก่ผู้พิการมีรายได้แน่นอน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มคุณค่าให้แก่ผู้พิการในการร่วมสร้างโภชนาการที่ดีแก่ลูกหลานในชุมชนใกล้บ้าน รวมทั้งช่วยให้ผู้พิการได้พัฒนาทักษะการเลี้ยงสัตว์เพื่อนำไปเป็นอาชีพสร้างความมั่นคงให้กับตนเองอย่างยั่งยืน
“โรงเรียนที่ร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศจะช่วยขยายโอกาสให้ผู้พิการได้มีงานทำอยู่ใกล้บ้าน พึ่งพาตนเองได้ และได้ตอบแทนสังคมของตนเอง แบ่งเบาภาระของโรงเรียน ขณะเดียวกัน ผู้พิการนำทักษะอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่เป็นอาชีพสร้างรายได้ที่มั่นคงโดยไม่มีข้อผูกมัดได้อีกด้วย” นายสุเมธกล่าว
โครงการ “เลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” เป็นโครงการที่บริษัทฯ ดำเนินร่วมกับมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท สนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์และเหล่าพนักงาน และจากภาคีเครือข่าย อาทิ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) ตั้งแต่ปี 2532 ได้ช่วยให้โรงเรียนระดับประถมศึกษาในพื้นที่ห่างไกลมีไข่ไก่แหล่งโปรตีน คุณภาพสูงใช้เป็นวัตถุดิบปรุงอาหารกลางวันแก่นักเรียนอย่างเพียงพอ ช่วยแก้ปัญหาทุพโภชนาการของเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งปัจจุบัน มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการรวม 604 แห่งทั่วประเทศ และในปีนี้โรงเรียนในระดับประถมศึกษาทั่วประเทศที่ต้องการยกระดับโภชนาการที่ดีเข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มขึ้นอีก 59 แห่ง
“การจัดจ้างผู้พิการในชุมชนโดยตรงของซีพีเอฟตามเป้าหมายรวม 700 คนภายในปี 2560 ให้มาทำงานในบริษัท ช่วยงานพัฒนาชุมชนตนเอง รวมถึงทำงานในโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ในโรงเรียนทั่วประเทศ ไม่เพียงช่วยสร้างอาชีพให้แก่ผู้พิการแล้ว ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับผู้พิการที่สามารถเลี้ยงดูตัวเอง พร้อมกับได้ตอบแทนชุมชนที่ตัวเองอยู่อีกด้วย” นายสุเมธกล่าว
ปัจจุบันพบว่ามีผู้พิการในวัยแรงงานที่ยังไม่ได้ทำงานรวม 500,000 คน เนื่องด้วยข้อจำกัดบางประการ อาทิ ความไม่สะดวกในการเดินทางไกล การขาดทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการ เป็นต้น ที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้จัดจ้างผู้พิการเข้าทำงานเป็นภายใต้การปฏิบัติตามมาตรา 33 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ซึ่งได้มีส่วนช่วยสนับสนุนให้ผู้พิการทั้งมีและไม่มีทักษะได้ทำงานกับซีพีเอฟ รวมแล้ว 425 คน ช่วยให้คนพิการได้มีเงินเดือนและสวัสดิการเท่ากับแรงงานคนอื่นๆ ผ่านการจ้างผู้พิการให้ทำงานในฟาร์ม สำนักงาน และโรงงานของบริษัทฯ และล่าสุด ตั้งแต่เดือนตุลาคมในปีนี้ ธุรกิจสุกรของบริษัทฯ ยังได้ประสานความร่วมมือกับภาครัฐ และองค์กรท้องถิ่นจ้างผู้พิการด้อยโอกาส ทำงานสาธารณะประโยชน์ในชุมชนของตนเอง ได้อยู่กับครอบครัว
โครงการจัดจ้างผู้พิการเพื่อสาธารณประโยชน์ของซีพีเอฟ เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเปลี่ยนมุมมองของสังคมไทยต่อผู้พิการว่าเป็นผู้มีศักยภาพในพัฒนาชุมชน รวมทั้งช่วยให้คนพิการเกิดความภูมิใจในศักยภาพของตนเอง มีรายได้จากการประกอบอาชีพการงานที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ด้วยความรู้ความสามารถ เป็นบุคลากรที่มีค่าของสังคมต่อไป