หอการค้าไทยประเมินเศรษฐกิจไทยปี 59 เติบโต 3.2% ส่วนปีนี้เพิ่มเป็น 3.6% แต่จะผลักดันให้ถึง 4% ภายใต้ปฏิญญาอยุธยาที่มุ่งใช้ประชารัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งประเทศ “สมคิด” ลั่นปี 60 จะเป็นปีแห่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อวางรากฐานประเทศไทย 4.0 พร้อมประกาศเพิ่มงบปี 61 เป็น 4 หมื่นล้าน ดันเศรษฐกิจภูมิภาค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 พ.ย.) ที่อยุธยาซิตี้พาร์ค จ.พระนครศรีอยุธยา ทีมผู้บริหารหอการค้าไทย นำโดย นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย พร้อมด้วยประธานหอการค้าทั้ง 5 ภาค และศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกันแถลงภาวะเศรษฐกิจไทยรายภูมิภาค และเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศปี 2559 และคาดการณ์ปี 2560
นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2559 จากเดิม 3.3% เหลือ 3.2% โดยคาดว่าการส่งออกจะติดลบ 0.4% อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 0.2% ส่วนปี 2560 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพิ่มเป็น 3.6% การส่งออกจะกลับมาขยายตัวได้ 1.4% มีมูลค่า 2.14 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เกินดุลทั้งดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 1.6%
ทั้งนี้ หากแยกเป็นรายภูมิภาค จะพบว่าในปี 2560 ภาคเหนือขยายตัว 3% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขยายตัว 2.6% ภาคกลาง รวมกรุงเทพฯ ขยายตัว 3.6% ภาคตะวันออกขยายตัว 4.8% และภาคใต้ขยายตัว 2.9%
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2560 ที่จะโต 3.6% มีสมมติฐานจากเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.4% เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 2.2% ยุโรป 1.5% ญี่ปุ่น 0.5% จีน 6.2% การลงทุนภาครัฐขยายตัว 10% อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.75% ราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ 42-52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 35.5-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
โดยปัจจัยบวกที่จะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ การส่งออก การท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัว ภัยแล้งเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่การเมืองยังคงมีเสถียรภาพ แต่ก็ต้องระวังปัจจัยลบ เช่น นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีความแน่นอน ยุโรปมีผลกระทบจาก Brexit เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ผลกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญที่กระทบต่อการท่องเที่ยว และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ยังระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลจากการสำรวจทัศนะของสมาชิกหอการค้าไทยต่อภาวะเศรษฐกิจ พบว่าส่วนใหญ่ 63.1% มองว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น ขณะที่ 30% มองว่าเริ่มฟื้นตัว แต่ยังไม่เป็นปกติ และมีเพียง 6.9% ที่มองว่าฟื้นตัวเป็นปกติแล้ว ซึ่งยอมรับว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยยังซึมอยู่ แต่รัฐบาลได้พยายามกระตุ้น และภาคเอกชนได้ให้ความร่วมมือ ซึ่งในส่วนของหอการค้าไทย ได้มอบหมายให้สมาชิกไปเฟ้นหาโปรดักต์แชมเปี้ยนในแต่ละภาคที่จะนำมาเพิ่มมูลค่าสินค้าและจีดีพีของประเทศในปีหน้าให้เพิ่มอีก 0.4-0.7% จากเดิมที่คาดว่าปีหน้าจะขยายตัว 3.6%
“เศรษฐกิจในปีหน้าที่คาดกันว่าจะโตที่ 3.6% แต่ภายใต้ปฏิญญาอยุธยาที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะผลักดันให้เศรษฐกิจในปีหน้าโตได้ถึง 4%” นายสมเกียรติกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 25-26 พ.ย. 2559 ที่ผ่านมา หอการค้าไทยได้จัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 34 ในหัวข้อ “นวัตกรรม ทำจริง สู่ประเทศไทย 4.0” โดยผลการหารือได้มีการประกาศปฏิญญาอยุธยา โดยมีแนวทางในการดำเนินการ คือ ร่วมมือตามแนวทางประชารัฐร่วมกับภาครัฐส่วนต่างๆ ทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน การสนับสนุนภาครัฐในการขับเคลื่อนประเทศไทยตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และจะลงมือทำด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้พัฒนากระบวนการทางธุรกิจไปสู่การค้าและบริการ 4.0 ซึ่งเป็นการค้าและบริการบนระบบอัจฉริยะ
โดยผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากปฏิญญาอยุธยา จะช่วยผลักดันให้มูลค่าการค้าและบริการของประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่ต่ำกว่าปีละ 50,000-100,000 ล้านบาท หรือช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 0.4-0.7% ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปี 2560 เติบโตได้ที่ระดับ 4.0%
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่ได้เดินทางไปเป็นประธานรับมอบสมุดปกขาวผลสรุปการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 34 จากนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องอีกหลายมาตรการ โดยในปี 2560 จะเป็นปีแห่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง โดยในปีนี้คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างน้อย 3% แน่นอน ส่วนปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ เพราะรัฐบาลเหลือเวลาในการทำงานอีกเพียง 1 ปี จะไม่เสียเวลากับเรื่องใดๆ อีก โดยจะมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็ง
“ในปี 2561 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้กลุ่มจังหวัดเพิ่มจากเดิม 2 หมื่นล้านบาทเป็น 4 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ในระดับภูมิภาค โดยจะเรียกคืนงบโครงการที่มีวงเงินเกินพันล้านบาทที่ยังใช้ไม่หมดภายใน 31 ธ.ค. 2559 นำกลับมาจัดสรรให้กลุ่มจังหวัดนำไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์เป็นการวางรากฐานให้ประเทศไทยในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลใหม่จะสามารถเข้ามาสานต่อได้ โดยไม่กระทบฐานะทางการคลัง”
ส่วนปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยในปีหน้า รัฐบาลได้เตรียมตัวรับนโยบายเศรษฐกิจภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ แล้ว และเชื่อว่าแม้สหรัฐฯ จะไม่เอา TPP แต่ก็ต้องมีสิ่งอื่นมาทดแทน เพราะสหรัฐฯ ไม่สามารถทิ้งตลาดเอเชียได้ ขณะที่ข้อกังวลต่อเศรษฐกิจจีนที่จะเติบโตลดลงนั้นไม่อยากให้กังวล เพราะจีนมีความสามารถในการปรับตัวได้รวดเร็ว หากมองในแง่ลบก็เท่ากับฆ่าตัวเอง แม้เศรษฐกิจโลกจะมีความเสี่ยง แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับประเทศไทยเสมอ
ขณะที่นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา แสดงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “70 เส้นทางตามรอยพระบาท สู่ประเทศไทย 4.0” ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค ที่มีการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน เพราะการท่องเที่ยวไทยจะเติบโตไม่ได้ หากเพื่อนบ้านยังอ่อนแอ ซึ่งหอการค้าไทยจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของไทย เพื่อดึงเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในภูมิภาค