ผู้จัดการรายวัน 360 - เจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ รุกหนักกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่องถึงเทศกาลตรุษจีน เตรียมเสนอรัฐบาลเพิ่มมาตรการจูงใจกลุ่มนักท่องเที่ยวสายเลือดจีนในไต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า เยือนไทยเพิ่มขึ้น 10% หลังมติ ครม.ไฟเขียวมาตรการผ่อนปรนด้านวีซ่า 19 ประเทศ
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ในการผ่อนปรนมาตรการด้านธรรมเนียมวีซ่า รวมทั้งปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa On Arrival : VOA) ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ รวม 19 ประเทศ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 59-28 ก.พ. 60 นั้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีแนวคิดที่จะเสนอรัฐบาลในการเพิ่มมาตรการต่างๆ อีก ทั้งในเรื่องการลดค่าธรรมเนียม การต่ออายุการพำนักในประเทศไทย และอื่นๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งยังเป็นการจูงใจกลุ่มนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนในประเทศไต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า ให้เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10%
สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติของประเทศไทยในปัจจุบัน (1 ม.ค.-20 พ.ย. 59) พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมมีรวมกันถึง 28.72 ล้านคน เพิ่มขึ้น 10.38% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยนักท่องเที่ยวจีนมีอัตราการเพิ่มขึ้นจากจำนวนประมาณ 7.9 ล้านคนในปี 2558 พบว่าปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วประมาณ 8 ล้านคน จึงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.1-9.2 ล้านคนในปี 2559 ส่วนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐอเมริกา เติบโต 12% ยุโรป 11% เอเชีย 10-11% ขณะที่เกาหลีใต้ อินเดีย และกลุ่มประเทศอาเซียน ถือว่ามีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
ในด้านรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีประมาณ 1.43 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จาก 1,259 ล้านบาทในปี 2558 โดยในช่วงวันที่ 1 ม.ค.-31 ต.ค. 59 พบว่าประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนสูงเป็นอันดับ 1 คือ 391,507 ล้านบาท ตามด้วยมาเลเซีย 74,804 ล้านบาท และรัสเซีย 64,328 ล้านบาท
นางกอบกาญจน์กล่าวด้วยว่า ในช่วงปลายปี 2559 ยังมีกิจกรรมที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ได้แก่ การส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพ (Luxury Tourism) ด้วยการจัดงานมหกรรมเรือสำราญและมารีนา “ไทยแลนด์ ยอชต์ โชว์” ครั้งที่ 2 (Thailand Yacht Show 2016) ระหว่างวันที่ 15-18 ธ.ค. 59 ณ อ่าวปอ แกรนด์มารีน่า จ.ภูเก็ต รวมถึงกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (Sports Tourism) เช่น วิ่งมาราธอนของหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยังจะเริ่มจัดนำเที่ยวโครงการ “9 แรกสู่ 9 ที่มั่นคง” เพื่อเดินทางไปเรียนรู้โครงการพระราชดำริ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตลอดจนแนะนำ “เส้นทางท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” 8 เส้นทาง ใน 8 คลัสเตอร์ ในการจัดงานมหกรรมอารยสถาปัตย์ (Thailand Friendly Design Expo 2016) เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าถึงอย่างเท่าเทียม
“จากกิจกรรมการท่องเที่ยวและกีฬาที่หลากหลายคาดว่าในช่วง 3 เดือนนี้ประเทศไทยจะได้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 3.5 แสนคนจากปกติ 8.8 ล้านคนเป็น 9.1 ล้านคน คิดเป็น 4% และมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท จาก 454,982 ล้านบาท เป็น 483,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ทั้งยังจะมีการจ้างงานและกระจายรายได้ไปตามเมืองรอง โดยรัฐยังสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นเกินจากเป้าที่ตั้งไว้ ทำให้ฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศไทยคึกคักขึ้น” นางกอบกาญจน์กล่าวในที่สุด
อนึ่ง มติ ครม.ในการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา คือ การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ สถานทูต หรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ จำนวน 1 พันบาทต่อคน เป็นการชั่วคราว 3 เดือน รวมถึงการปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา จาก 2 พันบาท เป็น 1 พันบาท เป็นเวลา 3 เดือน ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa On Arrival : VOA) ให้แก่ชาวต่างชาติ จำนวน 19 ประเทศ ได้แก่ อันดอร์รา, บัลแกเรีย, ภูฏาน, จีน, ไซปรัส, เอธิโอเปีย, อินเดีย, คาซัคสถาน, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, มัลดีฟส์, มอลตา, มอริเชียส, โรมาเนีย, ซานมาริโน, ซาอุดีอาระเบีย, ยูเครน, อุซเบกิสถาน และไต้หวัน
นอกจากนี้ยังมีมาตรการขยายระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทย สำหรับกลุ่มพำนักในระยะยาว หรือ “ลองสเตย์วีซ่า” (Long Stay Visa) จาก 1 ปี เป็น 10 ปี ซึ่งเป็นไปตามมาตรการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านสุขภาพและส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและนิยมพำนักอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวของไทย เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี และจังหวัดบริเวณชายทะเลที่มีชื่อเสียง โดยผู้ขอวีซ่ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และญี่ปุ่น เป็นต้น