“ประยุทธ์” ต้อนรับทูตสาธารณรัฐยูเครน เข้าเยี่ยมคารวะ ไทยหวังสองประเทศ จะร่วมมือกันเสริมสร้างความใกล้ชิดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุน
วันนี้ (23 พ.ย.) เวลา 13.30 น. นายอันดรีย์ เบชตา (H.E. Mr. Andrii Beshta) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐยูเครนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีที่เอกอัครราชทูตได้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย พร้อมเชื่อมั่นว่า จากประสบการณ์และความสามารถของเอกอัครราชทูต จะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่ฝ่ายยูเครนถวายความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช
ด้าน เอกอัครราชทูต กล่าวขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีเสียสละเวลาให้เข้าพบหารือในวันนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยและยูเครนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และมีความร่วมมือใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ในปี 2560 จะครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 25 ปี จึงหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันเสริมสร้างความใกล้ชิดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุน
ทั้งนี้ ไทยและยูเครนยังมีศักยภาพที่จะสามารถพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต ซึ่งฝ่ายไทยยินดีที่จะร่วมมือเพื่อสานต่อในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทั้งทวิภาคี ตลอดจนพหุภาคีให้ครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งด้านเอกอัครราชทูตก็พร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยว โดยเอกอัครราชทูต กล่าวว่า ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวชาวยูเครนเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นพ้องให้มีการพิจารณาเกี่ยวกับการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่จะรับไว้พิจารณา โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการต่อไป
วันนี้ (23 พ.ย.) เวลา 13.30 น. นายอันดรีย์ เบชตา (H.E. Mr. Andrii Beshta) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐยูเครนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีที่เอกอัครราชทูตได้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย พร้อมเชื่อมั่นว่า จากประสบการณ์และความสามารถของเอกอัครราชทูต จะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่ฝ่ายยูเครนถวายความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช
ด้าน เอกอัครราชทูต กล่าวขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีเสียสละเวลาให้เข้าพบหารือในวันนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยและยูเครนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และมีความร่วมมือใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ในปี 2560 จะครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 25 ปี จึงหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันเสริมสร้างความใกล้ชิดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุน
ทั้งนี้ ไทยและยูเครนยังมีศักยภาพที่จะสามารถพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต ซึ่งฝ่ายไทยยินดีที่จะร่วมมือเพื่อสานต่อในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทั้งทวิภาคี ตลอดจนพหุภาคีให้ครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งด้านเอกอัครราชทูตก็พร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยว โดยเอกอัครราชทูต กล่าวว่า ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวชาวยูเครนเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นพ้องให้มีการพิจารณาเกี่ยวกับการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่จะรับไว้พิจารณา โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการต่อไป
