xs
xsm
sm
md
lg

ดึง “ซูเปอร์ยอชต์” ทั่วโลกสร้างเม็ดเงินเข้าไทย 1.4 พันล้านบาทต่อปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร (กลาง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายนพดล ภาคพรต (ขวา) รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนายแอนดี้ เทรดเวลล์ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ งาน “ไทยแลนด์ ยอชท์ โชว์”
ผู้จัดการรายวัน 360 - “มหกรรมเรือสำราญและมารีน่า ครั้งที่ 2” พร้อมเปิดฉาก 15-18 ธ.ค. 59 ณ อ่าวปอ แกรนด์มารีนา ภูเก็ต หลังการจัดงานครั้งแรกสร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 5 พันล้านบาท คาดเรือสำราญล่องเข้ามาท่องเที่ยวและทำธุรกิจต่างๆ ประมาณ 2.5 พันลำ พร้อมเพิ่มเงินหมุนเวียนมากกว่า 7 พันล้านบาท ฟากผู้จัดงานหวังเพิ่มซูเปอร์ยอชต์เทียบท่าไทย 200 ลำ สร้างเม็ดเงิน 35.45-70.9 ล้านบาทต่อลำต่อหนึ่งฤดูกาล ก่อนดันไทยจุดหมายปลายทางด้านธุรกิจเรือยอชต์ที่ใหญ่และดีเยี่ยมที่สุด

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงการจัดงานมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า “ไทยแลนด์ ยอชต์ โชว์ ครั้งที่ 2” ประจำปี 2559 (Thailand Yacht Show 2016) ระหว่างวันที่ 15-18 ธ.ค. 59 ณ อ่าวปอ แกรนด์มารีน่า ภูเก็ต ว่า การจัดงานดังกล่าวถือว่าสอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยตรงแก่ธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเป็นการส่งเสริมการสร้างงานที่ก่อให้เกิดรายได้อย่างยั่งยืนและการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานในพื้นที่ไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการต่อและซ่อมเรือ ซึ่งจะมีผลอย่างยิ่งต่อการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น “มารีนาฮับ” ภาคพื้นดินของโลก

นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นไปตามแผนวิสาหกิจของ ททท. ที่ต้องการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพสูง และเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับคุณภาพ

การสนับสนุนการจัดงาน “ไทยแลนด์ ยอชต์ โชว์” ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่าประสบความสำเร็จอย่างมากจากการแสดงเรือยอชต์และเรือใบระดับไฮเอนด์มากกว่า 40 ลำ รวมถึงธุรกิจชั้นนำมากกว่า 70 แบรนด์ที่มาจัดแสดงสินค้าและบริการ โดยมีการนำเรือสำราญเข้ามาท่องเที่ยวและทำธุรกิจต่างๆ ประมาณ 2 พันลำ คิดเป็นผู้เข้าชมงาน 4.7 พันคน คิดเป็นชาวต่างชาติประมาณ 30% ชาวไทย 70% ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประมาณ 5 พันล้านบาท จึงคาดว่าการจัดงาน “ไทยแลนด์ ยอชต์ โชว์” ครั้งที่ 2 จะมีเรือประเภทต่างๆ เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 พันลำ พร้อมผู้เข้าชมงานมากกว่า 5 พันคน และสร้างรายได้หมุนเวียนไม่น้อยกว่า 7 พันล้านบาท

“การจัดงานครั้งนี้ยังจะทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มเรือสำราญที่สำคัญของภูมิภาค เพราะมีข้อได้เปรียบด้านศักยภาพของท่าเทียบเรือมาตรฐานที่สามารถรองรับเรือได้ตั้งแต่ขนาดกลาง-ใหญ่ได้ทั้งสองฝั่งของประเทศ คือ ด้านทะเลอันดามันคือภูเก็ต และอ่าวไทยที่พัทยา ทำให้สามารถรองรับนักเดินเรือที่ต้องการหลบมรสุมจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งได้ตลอดทั้งปี” นายนพดลกล่าว

ด้าน นายแอนดี้ เทรดเวลล์ กรรมการผู้จัดการ งาน “ไทยแลนด์ ยอชต์ โชว์” กล่าวเสริมว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแบบเรือยอชต์มีการใช้จ่ายสูงกว่าการท่องเที่ยวในรูปแบบอื่นๆ โดยเรือซูเปอร์ยอชต์แต่ละลำที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 เมตรจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึง 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 35.45–70.9 ล้านบาท) ต่อหนึ่งฤดูกาลในประเทศที่จอดเทียบท่า โดยปัจจุบันทั่วโลกมีเรือซูเปอร์ยอชต์ประมาณ 5 พันลำ แต่ละปีส่วนใหญ่มักจะไปจอดในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในขณะที่มีเพียง 35 ลำเท่านั้นที่มีจุดหมายที่ประเทศไทย การจัดงานครั้งนี้จึงมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนเรือที่มาเยือนประเทศไทยให้มากถึง 200 ลำภายใน 2-3 ปี เพื่อดึงดูดการใช้จ่ายเงินในประเทศไทย

การจัดงานครั้งนี้เป็นการรวบรวมเรือยอชต์และเรือใบระดับพรีเมียร์ รวมถึงซูเปอร์ยอชต์ และแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ระดับหรูอย่างครบครัน สืบเนื่องจากความสำเร็จจากการจัดงานครั้งแรกทำให้แบรนด์ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายชั้นนำระดับโลกจำนวนมากต่างยืนยันจะนำผลิตภัณฑ์ไฮเอนด์ระดับซูเปอร์ลักชัวรีมาจัดแสดง เพื่อสร้างสีสันให้งานในปีนี้ยิ่งทวีความยิ่งใหญ่ตระการตากว่าครั้งที่ผ่านมา

“ประเทศไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางด้านธุรกิจเรือยอชต์ที่ใหญ่และดีเยี่ยมที่สุด ด้วยจุดแข็งด้านบริการต้อนรับชั้นเลิศและภูมิประเทศที่สวยงามโดดเด่นเหมาะสมกับการล่องเรืออย่างมาก ทำให้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจเรือยอชต์ได้อย่างง่ายดาย โดยเราต้องการทำให้ประเทศไทยเป็นมหานครแห่งเรือยอชต์และเรือใบแห่งเอเชีย รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมช่วงฤดูหนาวของกลุ่มเจ้าของเรือซูเปอร์ยอชต์ระดับโลก ซึ่งนักเดินทางสามารถมาจอดเทียบท่าและเพลิดเพลินกับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ได้อย่างหลากหลาย” นายแอนดี้กล่าว

การจัดงานมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า “ไทยแลนด์ ยอชต์ โชว์ ครั้งที่ 2” จะมีทัพเรือยอชต์ระดับพรีเมียมและแบรนด์ระดับหรู รวมถึงกิจกรรมที่น่าสนใจตั้งแต่การจัดแสดงซูเปอร์ยอชต์และการเปิดตัวเรือรุ่นล่าสุดอีกมากมาย เพื่อมอบความยิ่งใหญ่ตระการที่สมบูรณ์แบบ โดยผู้เข้าชมงานยังสามารถสัมผัสและทดสอบการแล่นเรือใบและล่องเรือยอชต์ของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Lee Marine, Boat Lagoon Yachting, Simpson Marine, Asia Marine, Multihull Solutions, Hong Seh, Leopard Catamarans and BURGESS Yachts เป็นต้น

หนึ่งในไฮไลต์ของงานครั้งนี้คือการต้อนรับการกลับมาของเรือ “Ocean Emerald” ซึ่งเป็นเรือระดับมาสเตอร์พีซออกแบบโดย “นอร์แมน ฟอสเตอร์” ถือเป็นสุดยอดเรือยอชต์แนวร่วมสมัยที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและบริการมื้ออาหารระดับหรูบนเรือโดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ รวมถึงการจัดแสดงเรือ “Forwin” ซูเปอร์ยอชต์ รุ่น Sanlorenzo 46Steel ที่ผลิตในประเทศอิตาลีกับการปรับรูปโฉมใหม่หมดจด รวมถึงการเปิดตัวเรือ “Galeon 460 Flybridge” รุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกของเอเชีย

ด้วยทำเลการจัดงานที่ดีเยี่ยมของอ่าวปอ แกรนด์มารีน่า ภูเก็ต ที่สามารถออกสู่อ่าวพังงาได้อย่างสะดวกสบาย และบริการจากเรือระดับหรูมากมายที่เข้าร่วมในงานนี้ ทำให้ผู้ซื้อรายใหญ่สามารถโดยสารล่องเรือชมความงดงามของท้องทะเลได้ทุกวันตลอดการจัดงาน โดย “HYPE” เรือคาตามารันยอดนิยมจะให้บริการในรูปแบบของเลานจ์ลอยน้ำสุดหรู พาล่องทะเลรอบเช้าทุกวัน เพื่อไปชมเกาะต่างๆ ที่สวยงามในอ่าวพังงา พร้อมกิจกรรมบนเรือมากมาย ทั้งการว่ายน้ำและดำน้ำสน็อกเกิล ซึ่งถือเป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่งานในแต่ละวันจะเริ่มต้นขึ้น รวมถึงการกลับมาอีกครั้งกับโซนกีฬาทางน้ำเอ็กซ์ตรีม “Demonstration Platform” เพื่อมอบความสนุกสนานกับเครื่องเล่นแนวใหม่มากมาย ตั้งแต่ฟลายบอร์ดไปจนถึงเจ็ตสกี หรือเพลิดเพลินกับการแล่นเรือใบไปจนถึงแพดเดิลบอร์ดจาก “Java Yachting” หนึ่งในพันธมิตรจัดงานครั้งนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น