กรมพัฒน์ฯ ทำมาตรการเสริมช่วยชาวนาขายข้าว เผยช่องทางออนไลน์ ใช้เว็บไซต์ www.thaicommercestore.com เป็นตัวกลางนำข้าวจากข้าวนามาขาย ส่วนออฟไลน์ ประสานร้านค้าส่งค้าปลีกจัดกิจกรรม “โชวห่วย ช่วยชาวนา” เปิดหน้าร้านให้นำข้าวมาวางขาย หรือซื้อขาดไปขายต่อ มั่นใจช่วยชาวนามีโอกาสขายข้าวได้มากขึ้น
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดทำมาตรการเสริมช่วยเหลือชาวนา เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาราคาข้าวตกต่ำ และเพิ่มช่องทางการขายข้าวให้กับชาวนาในทุกพื้นที่ โดยจะผลักดันให้ชาวนาขายข้าวผ่านช่องทางการตลาดที่กรมฯ มีอยู่เครืออยู่ ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยมั่นใจว่าจะช่วยให้ชาวนามีโอกาสในการขายข้าวได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการขายในระบบการค้าขายปกติ ซึ่งจะทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ การขายข้าวแบบออนไลน์ กรมฯ จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือชาวนา โดยจะเปิดโอกาสให้ชาวนานำข้าวเข้ามาขายผ่านเว็บไซต์ www.thaicommercestore.com ซึ่งจะมีการจัดทำแบนเนอร์การจำหน่ายสินค้าข้าว และมีรูปแบบการช่วยเหลือใน 3 แนวทาง คือ 1. ชาวนาที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เมื่อมีคนเข้ามาดูสินค้าที่เว็บไซต์ www.thaicommercestore.com ก็สามารถคลิกลิงก์ไปยังเว็บไซต์ชาวนาได้เลย เพื่อดูและซื้อสินค้า 2. ชาวนาที่ไม่มีเว็บไซต์ แต่มีการใช้สื่อโซเซียลเน็ตเวิร์ก เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เมื่อเข้ามาที่เว็บ www.thaicommercestore.com ก็สามารถคลิกลิงก์ไปยังสื่อโซเซียลมีเดียของชาวนาได้ทันที และ 3. ชาวนาที่ไม่มีเว็บไซต์ และไม่มีสื่อโซเซียลฯ กรมฯ จะนำรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของชาวนาไปแจ้งไว้ในเว็บไซต์ www.thaicommercestore.com โดยผู้ที่สนใจซื้อข้าวจากชาวนาก็สามารถติดต่อได้ทันที
“ตอนนี้กรมฯ กำลังรวบรวมชาวนา ทั้งที่มีเว็บไซต์ มีสื่อโซเซียลเน็ตเวิร์ก และไม่มีสื่อโซเซียลฯ เพื่อนำมาใส่ไว้ในเว็บไซต์ www.thaicommercestore.com ที่กรมฯ ดูแลอยู่ เพื่อเพิ่มช่องทางการขายข้าวออนไลน์ให้กับชาวนา โดยต่อไปใครที่อยากจะซื้อข้าวก็เข้ามาที่เว็บไซต์และดูข้าว ดูชาวนาที่อยากจะติดต่อซื้อขายข้าวได้เลย” น.ส.บรรจงจิตต์กล่าว
น.ส.บรรจงจิตต์กล่าวว่า สำหรับการขายข้าวผ่านช่องทางตลาดออฟไลน์ กรมฯ ได้ร่วมมือกับสมาคมค้าส่งปลีกไทย และร้านค้าปลีกค้าส่งต้นแบบที่ได้รับการพัฒนาจากกรมฯ จัดกิจกรรม “โชวห่วย ช่วยชาวนา” โดยร้านค้าส่งค้าปลีกจะเปิดพื้นที่ให้ชาวนานำข้าวมาวางจำหน่ายที่หน้าร้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายหรือค่าเช่าพื้นที่ และหากเป็นกรณีที่ชาวนาสามารถสีข้าวและบรรจุถุงได้เอง ร้านค้าส่งค้าปลีกก็พร้อมที่จะรับซื้อไว้เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภคต่อไป
โดยขณะนี้มีร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบได้แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการแล้ว 70 ราย มีสาขา 366 สาขาทั่วประเทศ ครอบคลุม 43 จังหวัด และคาดว่าจะมีจำนวนร้านค้าส่งค้าปลีกเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น เพราะทุกคนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือชาวนา เนื่องจากเห็นว่าหากชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อร้านค้าส่งค้าปลีกเองที่จะสามารถจำหน่ายสินค้าให้กับชาวนาได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ค้าข้าวที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในการส่งออก กรมฯ ได้ประสานกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศในการจำหน่ายข้าวผ่านเว็บไซต์ www.thaitrade.com เพื่อขยายตลาดไปยังต่างประเทศให้ได้มากยิ่งขึ้นด้วย