“นายกฯ” สั่งคุมเข้มน้ำหนักรถบรรทุก หลังมีร้องเรียนบรรทุกเกินเย้ยกฎหมาย ทำถนนชำรุดเสียหาย “อาคม” รับลูกกำชับใช้มาตรการเข้มข้น ด่านชั่งเคลื่อนที่ ตระเวนทั่วประเทศร่วมมือทหาร ตำรวจ ไม่มีผ่อนผัน ด้านกรมทางหลวงกำชับ 70 ด่านชั่งน้ำหนักทั่วประเทศตรวจตราเข้มงวดน้ำหนักเกิน พร้อมบูรณาการหน่วยเคลื่อนที่เร็วสุ่มจับ ขณะที่มีคนร้ายปาระเบิดด่านสอบน้ำหนักเฉลิมพระเกียรติ (ขาเข้า) ถนนพหลโยธิน จ.สระบุรี หวังข่มขู่จากการถูกตรวจเข้ม
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเข้มงวดในมาตรการควบคุมดูแลน้ำหนักรถบรรทุกในช่วงนี้ให้มากขึ้น เนื่องจากพบว่ามีการบรรทุกน้ำหนักเกินทำให้ถนนเกิดความเสียหายในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ประกอบกับช่วงนี้เป็นฤดูฝน และถนนมีการซ่อมบำรุง และอยู่ระหว่างรอการซ่อมบำรุงหลายสาย ทั้งนี้ มาตรการควบคุมน้ำหนักบรรทุกเพื่อลดความเสียหายของถนนและลดการเกิดอุบัติเหตุ โดยให้กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ตำรวจ ทหาร เพื่อใช้กฎหมายบังคับอย่างเข้มข้น และเข้มงวดเรื่องการชั่งน้ำหนักบรรทุก ทั้งที่ด่านชั่งน้ำหนักถาวรและด่านเคลื่อนที่ พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการ เช่น ถนนที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่หน้าโรงโม่หิน พบเกิดการชำรุดค่อนข้างมากแม้มีการซ่อมบำรุงหลายครั้ง ซึ่งเกิดชำรุดซ้ำซากเนื่องจากการบรรทุกน้ำหนักเกินไปมาก
“ตอนนี้พบว่าถนนหลายสายกระจายทั่วประเทศ มีปัญหาชำรุดเสียหายจากการบรรทุกน้ำหนักเกิน เพราะมีการขนส่งทั้งสินค้าต่างๆ รวมถึงหินที่มีน้ำหนักมาก เมื่อบรรทุกน้ำหนักเกินจากที่กำหนด มีการเบรก เกิดการกดทับน้ำหนักลงไปบนถนน เกิดเป็นร่อง เสียหาย ซึ่งหากบรรทุกน้ำหนักตามที่กฎหมายกำหนดถนนจะไม่เสียหายแน่นอน ดังนั้นมาตรการจะเน้นทุกพื้นที่ทั่วประเทศ” นายอาคมกล่าว
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้กำชับในเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาการออกแบบเพื่อก่อสร้างถนนต่างๆ โดยเพิ่มท่อลอดระบายน้ำให้มีจำนวนมาก หรือมีขนาดใหญ่มากขึ้น สามารถระบายน้ำจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งของถนนได้รวดเร็วมากขึ้น และไหลลงสู่ระบบแก้มลิงได้ มีตัวอย่างที่จังหวัดนครสวรรค์ มีถนนถูกน้ำท่วมเป็นเวลาหลายวันโดยไม่สามารถระบายน้ำออกไปได้เนื่องจากถนนต่ำกว่าระดับน้ำ ซึ่งจะต้องแก้ไขถนนที่พบว่าถูกน้ำท่วมขังนานใหม่
ด้านนายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ตามที่กรมทางหลวงมีนโยบายปรับปรุงเครือข่ายด่านชั่งน้ำหนักถาวรและด่านชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ทั่วประเทศ โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดไม่มีการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการในการบรรทุกน้ำหนักเกิน อันจะส่งผลให้ลดงบประมาณในการซ่อมบำรุงรักษาทางและลดความเสี่ยงต่ออันตรายที่เกิดแก่โครงสร้างสะพานและทางลอด โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนซึ่งได้กำชับให้สถานีตรวจสอบน้ำหนักทั่วประเทศจำนวนกว่า 70 แห่ง บูรณาการการทำงานร่วมกัน รวมถึงจัดส่งเจ้าหน้าที่ชุดด่านชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ไปสุ่มจับรถที่บรรทุกน้ำหนักเกินอันจะเป็นการป้องปรามอีกทางหนึ่ง
โดยได้มีการเข้มงวดกวดขันผู้ประกอบการขนส่งห้ามใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนัก น้ำหนักบรรทุก หรือน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งยานพาหนะนั้นอาจทำให้ทางหลวง ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทานเสียหาย หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ล่าสุดอาคารที่พักของเจ้าหน้าที่สถานีตรวจสอบน้ำหนักเฉลิมพระเกียรติ (ขาเข้า) ที่ตั้งบนทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ที่ กม. 121+650 อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ได้ถูกคนร้ายปาระเบิดใส่เกิดความเสียหายเล็กน้อย คาดว่าอาจจะเป็นการข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่เข้มงวดตามนโยบาย ซึ่งล่าสุดได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปแจ้งความเรียบร้อยแล้ว และประสานงานไปยังตำรวจทางหลวงและเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ให้มาประจำการในบริเวณดังกล่าว พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่สืบหาคนร้ายต่อไป
กรมทางหลวงขอความร่วมมือประชาชนผู้ใช้ทางหลวง หากพบเห็นรถบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนดให้แจ้งตำรวจทางหลวงหมายเลข 1193 หรือสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทร.ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง) เพื่อเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของถนนและประหยัดงบประมาณซ่อมบำรุงถนนของประเทศ