ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซิงเกอร์” เผยในช่วงไตรมาส 4/59 เตรียมนำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกจำหน่าย กลุ่มกล้องถ่ายรูปดิจิตอลแบรนด์ชั้นนำ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กภายใต้แบรนด์ SINGER พร้อม Synergy บริษัทในกลุ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ปรับกลยุทธ์เพิ่มจำนวนพนักงานขายเป็น 10,000 คนภายในสิ้นปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้าพนักงานขายเพียง 5,000 คน “กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์” ขุนพลด้านการตลาดและการขาย คาดไตรมาส 4 ปีนี้จะเริ่มมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเข้ามากว่า 15% เมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาส 3/59
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้อำนวยการสายงานการขายและการตลาด บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4/2559 บริษัทฯ จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาจำหน่ายมากมาย โดยเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้เริ่มจำหน่ายสินค้ากล้องถ่ายรูปดิจิตอล ภายใต้แบรนด์ Nikon, Gopro, Fuji, Canon และ Casio นอกจากนี้ยังมีสินค้ากลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Appliance) ภายใต้แบรนด์ SINGER ได้แก่ ลำโพงบลูทูธ, วิทยุพกพา, หม้ออบลมร้อน และหม้อหุงข้าว เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับประกันเป็นการขายประกันอุบัติเหตุ, ประกันภัยรถยนต์ รวมถึงการให้สินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้น (Revolving Loan) และสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ โดย J Money ซึ่งจะสามารถเปิดตัวภายในเดือนพฤศจิกายน 2559 นี้ โดยใช้เครือข่ายจำนวนพนักงานขายที่มีอยู่ทั่วประเทศเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าสินเชื่อดังกล่าว อยู่ในต่างจังหวัดที่มีรถยนต์ทุกประเภท เช่น รถบรรทุก, กระบะ เป็นต้น
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัทฯ จะเริ่มมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามากว่า 15% เมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาส 3/59 โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.44 พันล้านบาท เป็นผลมาจากกลยุทธ์การเพิ่มจำนวนพนักงานขายไปสู่เป้าหมาย 10,000 คนภายในสิ้นปีนี้ จากเดิมที่ตั้งเป้าพนักงานขายเพียง 5,000 คน ล่าสุด ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 บริษัทมีจำนวนพนักงานขายแล้วกว่า 6,000 คน
“กลยุทธ์การเพิ่มจำนวนพนักงานขายให้ได้ตามเป้าหมายในสิ้นปีนี้จะมีพนักงานขายทั้งหมด 10,000 คน จะช่วยขยายเครือข่ายผู้แนะนำสินค้าและบริการของบริษัทฯ เข้าถึงทุกพื้นที่ได้มากขึ้น นำเสนอขายสินค้าที่มีความหลากหลายได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ การมีอาชีพเสริม อาชีพที่มีอิสระ และมีรายได้จากการขายสินค้ากำลังได้รับความสนใจ ซึ่งวันนี้ระบบใหม่ที่เราปรับเปลี่ยนก็สามารถรอง รับให้เรารับมือกับจำนวน พนักงานขาย และเครือข่ายผู้แนะนำสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไม่มีขีดจำกัด” นายกิตติพงศ์กล่าว
อีกทั้งจะเน้นการขายสินค้าให้แก่โครงการประชารัฐ เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้าประเภทตู้ เติมน้ำมัน ตู้หยอดเหรียญเครื่องซักผ้า และตู้เติมเงิน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังนี้ที่หมู่บ้านในโครงการประชารัฐจะได้รับเงินสนับ สนุนมาเพื่อซื้อสินค้าไปอำนวยความสะดวกคนในหมู่ บ้านโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ 2560 เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ภูมิภาคผ่านโครงการลงทุนด้านโครง สร้างพื้นฐานของหมู่บ้าน หรือการดำเนินกิจการสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน ในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่หมู่บ้านเพื่อดำเนินกิจการอันเป็นสาธารณะ ประโยชน์จำนวน 18,663.75 ล้านบาท จากงบประมาณปี 2560 งบกลาง หมู่บ้านละ 250,000 บาท เป้าหมาย 74,655 หมู่บ้าน ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 เดือน คือ พ.ย. 59 - ม.ค. 60 ซึ่งต้องไม่นำไปซื้อครุภัณฑ์ เป็นโครงการที่ไม่ซ้ำซ้อนกับงบประมาณเดิมอยู่แล้ว คาดว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม แม้รายได้ในครึ่งปีหลังจะมีทิศทางในการเติบโตมากขึ้น แต่ภาพรวมรายได้ของทั้งปี 59 ยังมีแนวโน้มที่จะทรงตัวจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 3.39 พันล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกเป็นช่วงที่บริษัทฯ มีการปรับโมเดลทางธุรกิจใหม่ส่งผลให้ธุรกิจเกิดความชะงักไปบ้าง แต่หลังจากปรับเสร็จสมบูรณ์แล้วทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ บริษัทจะหันมาเน้นการเติบโตของกำไรให้เพิ่มมากขึ้น จากการขายสินค้าเชิงพาณิชย์ที่มีมาร์จิ้นสูง อย่างเช่น ตู้เติมน้ำมัน ตู้หยอดเหรียญเครื่องซักผ้า และตู้เติมเงิน เป็นต้น