ผู้จัดการรายวัน360 - “รีฟิล” แตกไลน์รุกตลาดตู้หยอดเหรียญอัติโนมัติ รับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ต้องการความสะดวก นำเข้าจากญี่ปุ่นโดยตรง ชู 2 กลยุทธ์หลัก วางขายเองกับหาคู่ค้าสินค้ามาลง
นายกวิน บุญคุณศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท รีฟิล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แตกไลน์ธุรกิจสู่การเป็นผู้จัดจำหน่ายตู้หยอดเหรียญจำหน่ายสินค้าอัติโนมัติ โดยการร่วมมือกับกลุ่ม “ฟูจิ อินเตอร์” ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจตู้หยอดเหรียญ ด้วยการเป็นดีลเลอร์ตัวแทนจำหน่ายในตลาดประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว แต่เริ่มธุรกิจจริงจังในปี 2559
บริษัทฯ เล็งเห็นถึงแนวโน้มและอนาคตของตู้หยอดเหรียญจำหน่ายสินค้าอัติโนมัติเป็นอย่างดีซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวก ความรวดเร็ว และการเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีสินค้าที่จำหน่ายผ่านตู้หยอดเหรียญมากขึ้น จากเดิมที่เราทำธุรกิจทางด้านไอทีเทคโนโลยีต่างๆ สอดคล้องกันเพราะเราสามารถพัฒนาระบบต่างๆ ของตู้ร่วมกับญี่ปุ่นได้ด้วย
บริษัทฯ จะนำเข้าตู้หยอดเหรียญจำหน่ายสินค้าอัติโนมัติจากประเทศญี่ปุ่นโดยตรง หลังจากที่มีการพัฒนาและออกแบบแต่ละครั้งแล้วตามออร์เดอร์ของลูกค้า โดยคุณสมบัติของตู้จะดีกว่าการผลิตในประเทศไทย ทั้งยังมีราคาสูงกว่าคือประมาณ 3 - 4 แสนบาทต่อตู้โดยเฉลี่ย และมีน้ำหนักมากกว่า 160 กิโลกรัมต่อตู้
บริษัทฯ วางแผนตลาดไว้ 2 แนวทางคือ บริษัทฯ จะดำเนินการเองในการวางตู้หยอดเหรียญจำหน่ายสินค้าอัติโนมัติ โดยปัจจุบันดำเนินการแล้ว 5 แห่งเพื่อเป็นการทดลองตลาด โดยส่วนใหญ่จะเน้นทำเลที่เชื่อมโยงกับระบบการคมนาคมเป็นหลัก เช่น แอร์พอร์ตลิงค์ 3 ตู้ ที่หัวหมาก รามคำแหง และลาดกระบัง ส่วนอีก 2 ตู้ตั้งตามสำนักงาน
ส่วนอีกแนวทางหนึ่งคือการหาพันธมิตร หรือสินค้าที่มาใช้ตู้แบบเหมาตู้ โดยบริษัทฯ เป็นผู้บริหารจัดการให้ทุกอย่างแบบเบ็ดเสร็จ โดยมีลูกค้ารายแรกคือ ผลิตภัณฑ์ “แบรนด์” ของ บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งขณะนี้ติดตั้งแล้ว 5 ตู้บนสถานีบีทีเอสคือ หมอชิต, อ่อนนุช, พญาไท, ช่องนนทรี และแบริ่ง โดยมีแผนที่จะขยายตู้ให้ครบทุกสถานีบีทีเอสด้วย
“บริษัทฯ จะดำเนินงานให้ครบตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น หาทำเล เจรจากับบีทีเอสให้นำสินค้ามาใส่ตู้ การจัดเก็บเงินในตู้ การบำรุงรักษา เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปีนี้จะติดตั้งตู้หยอดเหรียญนี้ทั้ง 2 รูปแบบรวมกันได้ไม่ต่ำกว่า 50 ตู้ เน้นทำเลตามเส้นทางระบบขนส่ง ชุมชน ย่านอาคารสำนักงาน เป็นต้น”
