“พาณิชย์” ย้ำไม่จ่ายค่าเซอร์วิสชาร์จได้ หากร้านค้าไม่ระบุไว้ให้ชัดเจน และหากยังเรียกเก็บมีความผิดตามกฎหมาย โดนปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท แนะประชาชนหากพบเจอให้เก็บใบเสร็จร้องเรียนมาได้ ระบุได้แจ้งสมาคมภัตตาคารไทยบอกสมาชิกให้ติดป้ายให้ชัดเจนว่าจะเรียกเก็บ เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจใช้บริการแล้ว พร้อมขึ้นบัญชีติดตามราคากระสอบทราย และน้ำดื่ม ช่วงน้ำท่วม
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้แจ้งไปยังสมาคมภัตตาคารไทย เพื่อแจ้งสมาชิกที่เป็นร้านอาหารทั้งหมดให้มีการปิดป้ายแสดงราคาค่าบริการ (เซอร์วิสชาร์จ) ภายในร้านอาหารให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนที่เข้าไปใช้บริการได้รับทราบ โดยการแสดงราคาค่าเซอร์วิสชาร์จจะต้องติดไว้ในเมนูรายการอาหาร หรือจะติดป้ายแสดงไว้ที่เคาน์เตอร์ หรือป้ายหน้าร้าน หากร้านอาหารแห่งนั้นคิดค่าเซอร์วิสชาร์จด้วย แต่ถ้าไม่ระบุ และมีการเรียกเก็บ ประชาชนหรือผู้ใช้บริการมีสิทธิที่จะปฏิเสธการจ่ายได้
“ถ้าร้านอาหารใดไม่มีการระบุไว้ชัดเจนว่าจะมีการเรียกเก็บค่าเซอร์วิสชาร์จ แต่พอคิดค่าอาหารและมีการเรียกเก็บค่าเซอร์วิสชาร์จรวมไปด้วย ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยมีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และประชาชนที่ไปใช้บริการ หากพบเห็นหรือถูกเรียกเก็บ ให้เก็บหลักฐานและร้องเรียนมายังกรมฯ ผ่านสายด่วน 1569 ได้ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบให้” นางนันทวัลย์กล่าว
นอกจากนี้ ในการเก็บค่าบริการเซอร์วิสชาร์จ หากพบว่ามีการเรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่า 10% ซึ่งเป็นอัตราปกติของร้านค้าทั่วไป อาจจะเข้าข่ายการคิดค่าบริการสูงเกินจริงได้ และจะเข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 29 ของกฎหมาย ซึ่งจะมีโทษสูงคือปรับ 1.4 แสนบาท จำคุก 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม การคิดค่าบริการเซอร์วิสชาร์จถือเป็นเรื่องปกติของร้านอาหาร ถ้าจะเก็บก็ต้องระบุและปิดป้ายไว้ให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจในการใช้บริการ เพราะถ้าติดไว้ผู้บริโภคก็จะรับรู้ว่าการเข้ามารับประทานอาหารที่ร้านนี้ต้องจ่ายเซอร์วิสชาร์จ
นางนันทวัลย์กล่าวว่า สำหรับการดูแลราคาสินค้าในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่นั้น ในเดือน ต.ค. 2559 กรมฯ ได้นำสินค้าน้ำดื่มบรรจุขวดและกระสอบทรายและทราย เข้ามาอยู่ในบัญชีสินค้าอ่อนไหว (SL) ที่จะต้องมีการติดตามราคาทุกวัน เนื่องจากพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมมีความจำเป็นต้องใช้สินค้าดังกล่าวมาก อาจทำให้เกิดฉวยโอกาสขึ้นราคา หรือสร้างความปั่นป่วน ทำให้สินค้าเกิดการขาดแคลนได้ จึงต้องติดตามสถานการณ์ทุกวัน
“เท่าที่ตรวจสอบราคาในขณะนี้ยังไม่พบว่าสินค้ากระสอบทรายและทราย มีการขายเกินราคาหรือขาดแคลน โดยกระสอบบรรจุทรายขนาด 15 กก. ราคาขายปกติทั่วไปจะอยู่ที่ 25-30 บาท/กระสอบ หากพื้นที่ใดมีการขายเกินราคาดังกล่าวก็ให้ร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 กรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบให้” นางนันทวัลย์กล่าว
ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ แนวโน้มราคาทรงตัว ไม่มีการแจ้งขอปรับราคาเข้ามา เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว ทำให้ผู้ผลิตสินค้าต้องแข่งขันกัน เพราะการปรับขึ้นราคาอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจได้ ขณะที่สินค้าเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู ไข่ไก่ แนวโน้มราคาในปีนี้ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาอาหารปรุงสำเร็จ กรมฯ ได้เพิ่มทางเลือกในการบริโภคด้วยการผลักดันให้มีร้านหนูณิชย์เพิ่มจำนวนมากขึ้นในทุกพื้นที่