“บ้านปู” ชะลอการขายถ่านหินล่วงหน้าปี 60 หลังแนวโน้มราคาถ่านหินโลกพุ่งล่าสุดแตะ 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน ชี้ไตรมาส 4/59 รายได้จากการขายถ่านหินพุ่งเพราะมีปริมาณถ่านหินที่รอขายในปีนี้เหลืออีก 10 ล้านตัน คาด BPP เทรดในตลาดหุ้น 28 ต.ค.นี้
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดผยว่า บริษัทฯ ชะลอการขายถ่านหินล่วงหน้าปี 2560 ในช่วงนี้ไปเป็นปลายไตรมาส 4 และต้นปีหน้าเพื่อให้ราคาดีที่สุด จากปกติจะต้องขายล่วงหน้าในช่วงปลายปีประมาณ 40% ของการขาย เนื่องจากราคาถ่านหินในตลาดโลกช่วงนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาต่อเนื่องในตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 78-80 เหรียญสหรัฐ/ตัน และคาดว่าปีหน้าราคาถ่านหินไม่ต่ำกว่า 80 เหรียญสหรัฐ/ตัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีปริมาณถ่านหินที่รอการขายในงวดปีนี้อยู่ 1 ใน 4 ของปริมาณถ่านหินที่ผลิต หรือประมาณ 10 ล้านตัน ซึ่งจะได้อานิสงส์จากราคาขายที่ปรับขึ้นในช่วงนี้ และบริษัทจะได้รับคืนเงินกู้จากบริษัท บ้านปูเพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทในไตรมาสนี้ โดยบ้านปูจะนำเงินดังกล่าวไปคืนหนี้ที่ใช้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าหงสา ที่ สปป.ลาว ทำให้ภาระดอกเบี้ยปรับลดลงปีละ 300-500 ล้านบาท
นางสมฤดีกล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บ้านปู เพาเวอร์จะรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จีนเพิ่มอีก 40 เมกะวัตต์ จากที่ผลิตอยู่แล้ว 50 เมกะวัตต์ ทำให้สิ้นปี 2559 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่เกือบ 2 พันเมกะวัตต์ และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังผลิตเป็น 4.3 พันเมกะวัตต์ในปี 2568 ซึ่งจะมีสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 20% ของกำลังผลิต หรือ 1 พันเมกะวัตต์ คาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุน 700 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนแผนการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มนั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาที่จะเสนอขายไฟจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีส่วนขยายเพิ่มอีก 1 พันเมกะวัตต์ที่รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมผ่านแล้ว รวมทั้งสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าในลาวและเวียดนามเพิ่มเติม โดยลงนามบันทึกช่วยจำ (MOU) ศึกษาความเป็นไปได้โรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1.8 พันเมกะวัตต์ ได้ความชัดเจนใน 6 เดือนก่อนเสนอรัฐบาลเวียดนามเพื่อบรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า โดยบริษัทจะถือหุ้นโครงการนี้ 50%
ทั้งนี้ บ้านปูเพาเวอร์จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 648.49 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 21.29% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยแบ่งเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบ้านปูไม่เกิน 210 ล้านหุ้น กำหนดจองซื้อและชำระค่าหุ้น 10-13 ต.ค.นี้ และอีก 438.49 ล้านหุ้นจะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป จองซื้อและชำระค่าหุ้น 18-20 ต.ค. ที่ช่วงราคา 18-21 บาท/หุ้น โดยราคาเสนอขายสุดท้ายจะประกาศในวันที่ 17 ต.ค.นี้ และคาดว่าจะเทรดซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ประมาณ 28 ต.ค.นี้
โดยคาดว่าจะได้เงินจากการขายหุ้น IPO ประมาณ 1.16-1.36 หมื่นล้านบาท โดยเงินที่ได้ส่วนใหญ่จะนำมาคืนหนี้ให้กับบ้านปู และที่เหลือจะใช้ในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ